นราธิวาส - หญิงชราวัย 80 ปี ชาว จ.นราธิวาส ป่วยเป็นโรคเนื้องอกภายในช่องท้อง นอนรอความตาย ลูกหลานเผยมีรายได้ไม่พอเลี้ยงดู วอนผู้ใจบุญสมทบทุนช่วยเหลือ
วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลีเมาะ เปาะซา อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 349 ม.12 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส อาศัยอยู่บ้านชั้นเดียวไม่แตกต่างไปจากกระต๊อบที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ที่ผ่านการปลูกสร้างมานานเกือบ 20 ปี บนเนื้อที่ 50 ตารางวา นอนบนแคร่ไม้ผุๆ ที่มาทำสำหรับใช้เป็นเตียงนอน โดยมีผ้าถุงผืนเก่าๆ ห่มร่างกายที่อยู่ในสภาพหนังหุ้มกระดูก
โดยมี นายมะเปาซี ลีวาเมาะ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นลูกชายกำลังนั่งร้องไห้ และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามร่างกายของมารดาเพื่อให้อาการไข้ที่กำเริบได้ลดลง และมี ด.ช.แวมูฮัมหมัดรุสดี ลีวาเมาะ อายุ 14 ปี ลูกชายของ นายมะเปาซี เรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านบางมะนาว ซึ่งเป็นหลานชายของ นางลีเมาะ นั่งอยู่ปลายเท้าเพื่อช่วยพ่อในการดูแล นางลีเมาะ ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่า ท่ามกลางความเศร้าสลดของชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ช่วยดูแล และอุปการระครอบครัวนี้มาโดยตลอด
โดย นายมะเปาซี เปิดเผยว่า นางลีเมาะ ซึ่งเป็นมารดาได้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกที่บริเวณภายในท้องมานานกว่า 1 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ได้ไปรักษากับหมอที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และอาการป่วยได้ทุเลาลง และหายเกือบเป็นปกติ ต่อมา เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา มารดาเริ่มมีอาการป่วยขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ยอมไปหาหมอ บอกแก่ตนเสมอว่าแก่แล้วไม่ต้องรักษา อยู่อีกไม่นานก็ตายเปลืองสตางค์เปล่าๆ โดยใช่เหตุ ควรเก็บเงินที่น้อยนิดใช้ในสิ่งที่มีประโยชน์ดีกว่า
เนื่องจากปกติมารดาจะอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับลูกชายตน คือ ด.ช.แวมูฮัมหมัดรุสดี เพียง 2 คน เท่านั้น ส่วนตนจะอยู่บ้านอีกหลังในพื้นที่บาเจาะกับภรรยา 1 หรือ 2 วัน ตนจะมาหามารดาครั้ง เพื่อซื้อหาอาหาร และเครื่องใช้ที่จำเป็นกลับมาให้มารดา และลูก
นอกจากนี้ นายมะเปาซี ยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า ตนซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งยึดอาชีพรับจ้างขึ้นมะพร้าว ได้ค่าจ้างวันละ 150 บาท ใน 1 เดือนจะมีคนจ้างขึ้นมะพร้าวไม่แน่นอน ทำให้เงินที่ได้มาต้องเลี้ยงดูมารดา ลูก และภรรยา ซึ่งในแต่ละวันก็ต้องใช้เงินมากพอสมควรสำหรับครอบครัวยากจนอย่างตน คือ ต้องให้ลูกเป็นค่าขนมไปโรงเรียน และหากวันไหนไม่มีคนจ้าง หรือเงินที่เก็บหอมรอมริบหมด ครอบครัวตนก็ต้องพลอยอดไปด้วย แต่โชคดีที่ยังมีเพื่อนบ้านใจดีบางครั้งได้เจียดอาหารแบ่งปันมาให้มารดา และลูกได้รับประทาน ส่วนตนก็ต้องยอมอดอยู่ที่บ้านของภรรยา นึกขึ้นมาทีไรก็น้อยใจตัวเองที่ไม่สามารถเลี้ยงดูมารดา ลูก และภรรยาได้เหมือนกับครอบครัวอื่นๆ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นายมะเปาซี ก็ยังได้เปิดเผยถึงเรื่องผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง คือ นายมะอูเซ็ง ที่เขาเข้าใจครอบครัวตน ไม่เคยทวงถามเรื่องหนี้สินซึ่งเป็นค่าซื้อที่ดิน 50 ตารางวา ที่ตนได้ติดหนี้มานานเกือบ 20 ปี และได้ผ่อนชำระไปเพียง 10,000 บาท จากยอดเงินทั้งสิ้น 35,000 บาท ตนจึงขอวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัวตนเพื่อนำเงินเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อพามารดาไปรักษา โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ นายมะเปาซี หมายเลขโทรศัพท์ 09-5043-2189 หรือร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ธนาคารออมสิน สาขานราธิวาส ประเภทเผื่อเรียก ชื่อบัญชี ด.ช.แวมูฮัมหมัดรุสดี ลีวาเมาะ เลขที่บัญชี 020073379073 จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง