นครศรีธรรมราช - ตำรวจกองปราบปรามลงพื้นที่ร่วมสางคดีฆ่ายุติธรรมพังงา พบหัวหน้าทีมฆ่าโยงเครือข่ายยาเสพติดข้ามจังหวัด ได้หลักฐานสำคัญภาพวงจรปิดบันทึกสุดท้าย เหยื่อมารับนกต่อก่อนพาไปสังหาร ผู้ร่วมทีมฆ่าเจอหลายข้อหาหนัก โทษสูงสุดถึงขั้นประหาร
วันนี้ (1 ก.ย.) ภาพวงจรปิดช่วงเวลาสุดท้ายที่สามารถบันทึกภาพ นายฉวี อินทระ ยุติธรรมจังหวัดพังงา ในขณะที่เดินทางออกจากบ้านใน ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช มาจอดรอรับ น.ส.ณัฐนันท์ อินทร์ดำ ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจอำเภอเชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เดินลงจากรถไปนั่งรอที่ศาลาริมแม่น้ำเชียรใหญ่ ในเวลา 15.16 น. ของวันที่ 20 ส.ค.2559 และใช้เวลารอเพียง 2 นาที ในเวลา 15.18 น.ส.ณัฐนันท์ ได้เดินทางมาด้วยรถจักรยานยนต์มีชายผู้ขับขี่มาส่งข้างศาลาและเดินออกมาขึ้นรถยนต์ของนายฉวี โดยมีนายฉวี ไปผู้ขับขี่ออกไป เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คอยตามประกบตลอดเวลา ก่อนที่นายฉวี จะไปจบชีวิตในวันเดียวกันที่บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 2 ต.ท่าขนาน อำเภอเชียรใหญ่ และถูกนำศพมาทิ้งในคลองบางจากท้องที่ สภ.ปากพนัง
โดยล่าสุด ศาลจังหวัดปากพนัง ได้อนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้แล้ว 5 ราย คือ นายจีระเดช แป๊ะดำ หรือสาม นายสุทธิพงศ์ บุปผาคร หรือดุก ซึ่งถูกเจ้าหน้าคุมตัวตั้งแต่วานนี้ทั้ง 2 ราย โดยเฉพาะ นายจีระเดช เป็นผู้นำชี้จุดทิ้งศพในคลอง ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีคือ นายอดิศักดิ์ ทองสมจา หรือหมู นายชัยชนะ เกิดมุสิก หรือดุก และนายสุวัฒน์ มาลาวัฒน์ หรือปาล์ม ทั้ง 3 คนยังหลบหนี ส่วน น.ส.ณัฐนันท์ อินทร์ดำ ในฐานะผู้แชทล่อลวงให้นายฉวี ไปพบนั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพฤติกรรม และส่วนประกอบคดีเพื่อเสนอขอหมายจับภายหลัง
โดยทั้ง 5 รายนั้นได้ถูกตั้งข้อหาหนัก คือ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยทำร้ายเจ้าทรัพย์จนถึงแก่ความตาย ร่วมกันปิดบังซ่อนเร้น อำพรางศพ โดยปกปิดสาเหตุการตาย ซึ่งข้อหาทั้งหมดมีโทษสูงสุดคือ การประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรมคุมประพฤติ ได้เดินทางเข้าพบกับ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการคลี่คลายคดีคนร้ายก่อเหตุสังหาร นายฉวี อินทระ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติและยุติธรรมจังหวัดพังงา หลังจากเจ้าหน้าที่ได้คลี่คลายคดีการหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.2559
จนกระทั่งสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทำการสอบสวนจนรับสารภาพว่า ได้สั่งการ และนำศพห่อด้วยผ้าใบพลาสติกยัดใส่ถัง 200 ลิตร แล้วเทปูนซีเมนต์ถ่วงทิ้งก้นคลองบางจาก ในท้องที่หมู่ที่ 13 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ได้กู้ศพได้ตั้งแต่วานนี้ และขอบคุณตำรวจที่ได้ร่วมกันคลี่คลายคดีจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ รวมทั้งค้นหาศพจนพบ หลังจากนั้น ได้เข้าเยี่ยมครอบครัวของนายฉวี พร้อมให้การช่วยเหลือตามระเบียบราชการ
ขณะที่ศพของ นายฉวี ล่าสุดนั้น หลังจากใช้เครื่องมือผ่าถัง และกะเทาะปูนซีเมนต์ออกได้ถูกส่งไปยังศูนย์นิติเวชสุราษฎร์ธานี เพื่อผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายอย่างชัดเจน และเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เนื่องจากผู้ต้องหาที่จับกุมได้แล้วนั้นสารภาพว่า เป็นการตายเนื่องจากถูกทารุณกรรมซ้อมทำร้ายร่างกายต่อเนื่องหลายชั่วโมง รวมทั้งทุบตีด้วยของแข็งอย่างรุนแรง ซึ่งหลังจากชันสูตรอย่างละเอียดแล้วนั้นจะได้ส่งศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม ได้นำทีมสืบสวนลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อมูล และเก็บหลักฐานบางอย่าง เนื่องจากพบว่า นายอดิศักดิ์ ทองสมจา หรือหมู เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในเครือข่ายของ “กะม๊ะ” ระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นขบวนการกับที่เจ้าหน้าที่ได้เข้ายึดทรัพย์เรือยอชต์ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
ส่วนพฤติการณ์ในการก่อเหตุ นายจีระเดช แป๊ะดำ หรือสาม ยอมรับสารภาพว่า นายอดิศักดิ์ เป็นคนวางแผนทั้งหมด โดยหลังจากที่ น.ส.ณัฐนันท์ ล่อลวงผู้ตายมาที่บ้านที่เกิดเหตุแล้ว ผู้ตายได้ถูกจับสวมกุญแจมือก่อนถูกซ้อมทำร้ายหลายชั่วโมงติดต่อกัน โดยเฉพาะถูกรุมตีด้วยท่อนไม้จนตาย ก่อนที่จะช่วยกันเตรียมอุปกรณ์จับยัดใส่ถังแล้วนำศพไปทิ้ง โดยมีผู้ที่ร่วมกันโยนทิ้ง 3 คน คือ ตนเอง นายชัยชนะ เกิดมุสิก หรือดุก และนายอดิศักดิ์ ทองสมจา หรือหมู ภายหลังนายอดิศักดิ์ หรือหมู ได้นำรถของผู้ตายหนีไป โดยระบุว่าจะไป กทม.โดยมี น.ส.ณัฐนันท์ ไปด้วยกัน