ยะลา - เขื่อนบางลางถึงคราววิกฤต หลังน้ำลดต่ำสุดในรอบ 35 ปี ในขณะที่หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง ระบุ ต้องปล่อยน้ำลดลงเพื่อยืดเวลา ส่งผลกระทบชาวบ้าน ทุกฝ่ายต่างร่วมหารือแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 ส.ค.) ที่อาคารสำนักข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง ประกอบด้วย นายราชิต สุดพุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายคติ ชนนีบำรุง หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายอนุรักษ์ ธีระโชติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำชลประทานยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี ร.ต.ท.อรุณ กุลกัลยา รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ยะลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบปัญหา และประเมินสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง หลังจากเกิดวิกฤตหนัก ปริมาณน้ำลดต่ำสุดในรอบ 35 ปี จากปัญหาแล้ง
โดย นายคติ ชนนีบำรุง หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้สรุปภาพรวมปริมาณน้ำในเขื่อนบางลางจากรายงานล่าสุดให้แก่ที่ประชุมรับทราบว่า เมื่อเวลา 14.00 น. มีปริมาตรน้ำ 452.87 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 31% ของปริมาตรน้ำทั้งเขื่อน โดยสามารถใช้น้ำได้ 176.59 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 15% เท่านั้น จากนั้นได้มีการรายงานข้อมูลต่างๆ ในที่ประชุมถึงความเสี่ยง ปริมาณน้ำฝน และการทำฝนหลวงเพื่อที่จะมีการวางแผนในการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนบางลาง
นายคติ ชนนีบำรุง หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เปิดเผยว่า สำหรับน้ำในเขื่อนขณะนี้สามารถใช้ได้เพียง 15% คือ 176 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะฉะนั้นถ้ามีการระบายน้ำออกวันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้แก่ทางชลประทาน และผู้ใช้น้ำ ซึ่งได้ลดลงจากวันที่ 17 สิงหาคม ที่ปล่อยวันละ 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อยืดเวลาออกไป ซึ่งถ้าไม่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนหลังจากวันนี้ก็จะมีน้ำใช้อีกประมาณ 80 วัน
“จากสถิติเราจะพบว่าฝนจะตกในช่วงเดือนตุลาคมของทุกๆ ปีเป็นต้นไป จนถึงธันวาคม ซึ่งก็เอาความแน่นอนไม่ได้ และไม่สามารถคาดเดาได้ ฉะนั้นความเสี่ยงที่เรามีอยู่ขณะนี้แค่เดือนกันยายน ก็จะมีปัญหาแล้ว สถานการณ์ดูแล้วแล้งมากกว่าปกติ ชาวบ้านบอกว่าในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยเจอว่าบ่อน้ำแห้ง แต่ปีนี้น้ำแห้ง ตนเองในฐานะที่ดูแลการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่ดูแลต้นน้ำ ก็ทำหนังสือมายัง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ช่วยประสานงานดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ว่าจะทำอย่างไรที่จะต่อสู้กับธรรมชาติในการบริหารน้ำที่เหลืออยู่อีกแค่ 176 ล้านลูกบาศก์เมตร” นายคติ กล่าว
หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องของฝนหลวง ทางชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ประสานงานกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องกระแสลม ถ้าเกิน 40 กม./ชม. ก็จะทำฝนหลวงไม่ได้ ลมต้องไม่เกิน 30 กม./ชม. ถึงจะทำฝนหลวงได้ ภายในเงื่อนไขมีความชื่นเพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่ได้ผล เนื่องจากอ่างเก็บน้ำของเราเล็ก พื้นที่รับน้ำเพียง 2,080 ตาราง กม. พื้นที่อ่างมีแค่ 50 ตาราง กม. จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเมื่อทำฝนหลวง แล้วมาเจอลมพัดฝนก็ไปลงทะเลหมด นี่คือปัญหา ปริมาณน้ำที่เหลือในเขื่อนบางลาง ถือเป็นครั้งที่วิกฤตที่สุดในรอบ 35 ปี ตั้งแต่สร้างเขื่อนมา ซึ่งหากฝนมาตกในช่วงเดือนตุลาคมนี้ก็เชื่อว่าจะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้