พัทลุง - เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังไฟไหม้ป่าพรุเกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง กันอย่างต่อเนื่อง เพราะทำด้วยความยากลำบากในช่วงที่มีกระแสลมแรง โอดอุปกรณ์ที่ใช้ดับไฟมีน้อย รวมทั้งกำลังพลก็มีอยู่อย่างจำกัด
วันนี้ (23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ท้องที่ ม.3 และ ม.7 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ในช่วงบ่ายถึงเย็นวันนี้ หลังมีลมกระโชกแรงจนทำให้ไฟไหม้พื้นที่ป่าพรุเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะลุกลามเข้าพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของชาวบ้านมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังเข้าดับไฟป่ากันอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ทำด้วยความยากลำบากในช่วงที่มีกระแสลมแรง
จนกระทั้งเมื่อช่วงเย็นลมได้สงบลง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเข้าควบคุมไฟ แต่ก็เป็นไปได้อย่างล่าช้า เนื่องจากไม่มีเครื่องสูบน้ำขนาดเล็ก และอุปกรณ์ในการดับไฟเท่าที่ควร รวมทั้งกำลังพลมีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่รถดับเพลิงก็เข้าถึงพื้นที่ยาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางป่าพรุ ซึ่งบางจุดเจ้าหน้าที่ต้องปล่อยให้ไฟโหมลุกไหม้ และเมื่อไฟซาลงจึงได้เข้าทำการดับต่อไป
ขณะที่พื้นที่ป่าพรุ ในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ที่ไฟไหม้ไปก่อนหน้านี้ จนทำให้พื้นที่ป่าพรุหมดสภาพ และในพื้นที่ยังมีควันไฟใต้ดินคุกรุ่นอยู่ ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งนับตั้งแต่เกิดไฟไหม้ป่าพรุตรงจุดนี้ มีชาวบ้านเข้ารับบริการทางการแพทย์เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจไปแล้ว จำนวน 289 ราย
ส่วนพื้นที่ป่าพรุในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ที่ลุกไหม้เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ล่าสุด วันนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บ และดับไฟชั้นใต้ดินจนไฟมอดสนิท แต่เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าพื้นที่สังเกตการณ์อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะหวั่นเกรงว่าชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่า และเผาต่อหัวเสือนำมาเป็นอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้เกิดไปลุกไหม้เพิ่มขึ้นได้
