พัทลุง - ไฟไหม้ป่าพรุในเขตพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง เริ่มซาลงบ้างแล้วหลังลมสงบ พบลุกลามเสียหายเป็นบริเวณกว้างแล้วกว่า 1 พันไร่ ด้าน จนท.และชาวบ้านต้องถอนกำลังหลังเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เตรียมลุยดับไฟต่อเช้าพรุ่งนี้
วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ไฟไหม้ทุ่งหญ้า ทุ่งกระจูด และป่าเสม็ด ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ท้องที่ ม.3, 7, 8 และ 9 ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เป็นบริเวณกว้างไปแล้วกว่า 1,000 ไร่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ส.ค.เป็นต้นมา ได้มีชาวบ้าน เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก เจ้าหน้าที่ทหารช่างที่ 402 ค่ายอภัยบริรักษ์พัทลุง เจ้าหน้าที่ไฟป่าพัทลุง และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา พร้อมอุปกรณ์ดับไฟควบคุมเพลิง แต่ไม่สามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้
ซึ่งล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ได้เกิดกระแสลมพัดแรงทำให้ไฟที่ลุกอยู่เดิมในบางจุดติดลุกลามขยายวงกว้างอีกครั้ง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ไฟป่า และชาวบ้านได้ร่วมกันเข้าดับไฟที่กำลังลุกลามจะเข้าบ้านเรือนประชาชนอย่างเร่งด่วน พร้อมประสานรถน้ำจาก ทต.หารเทา ทต.ท่ามะเดื่อ ทต.ปากพะยูน อบจ.พัทลุง กองพันทหารช่าง 402 และหน่วยดับไฟป่า เข้าระดมช่วยกันดับไฟ
จนถึงเมื่อเวลา 19.00 น.ที่ผ่านมา หลังลมสงบลง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังคงคุกรุ่นเต็มพื้นที่ ทำให้ควันไฟฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ กระทบต่อชาวบ้านแล้วกว่า 650 ครัวเรือน ต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านท่ามกลางกลิ่นควัน ที่ทำให้แสบจมูก แสบตา และผู้สูงอายุบางรายถึงขั้นมีอาการวิงเวียนศีรษะ โดยในขณะนี้เข้าสู่ช่วงกลางคืน ทำให้ชาวบ้าน พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ช่วยกันดับไฟตลอดทั้งวันเหนื่อยล้า จนต้องถอนกำลังกลับเพื่อเตรียมลงพื้นที่ดับไฟต่อไปในเช้าวันพรุ่งนี้
ด้านผู้นำท้องถิ่น ระบุว่า ไฟไหม้ป่าพรุเกาะหมาก ซึ่งถือเป็นป่าพรุแหล่งสุดท้ายที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์ไว้เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหาร โดยไฟได้ไหม้มานานกว่า 2 วัน จนเกินกำลังของท้องที่ที่จะรับมือได้ จึงได้ไปขอความร่วมมือให้นายอำเภอปากพะยูน ช่วยประสานงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง
แต่กลับถูกทางอำเภอปฏิเสธให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหากปล่อยให้เกิดไฟลุกไหม้นานไปกว่านี้อาจเกรงว่าจะทำให้ป่าพรุที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งจะเกิดไฟไหม้ลุกลามจนได้รับความเสียหาย ไปพร้อมทั้งพืชผลทางด้านการเกษตรของชาวบ้าน รวมทั้งสุขภาพของชาวบ้านก็จะเริ่มแย่ลง หลังสูดควันไฟจากป่าพรุนานกว่า 48 ชั่วโมง
ในเวลาเดียวกัน เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาทางสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยพัทลุง ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูยังจุดไฟไหม้ป่า ซึ่งก็ทำได้เพียงแค่ถ่ายภาพเก็บเอาไว้เท่านั้น โดยที่ไม่ยอมให้การช่วยเหลือ และให้คำตอบแก่ชาวบ้านแต่อย่างใด