สุราษฎร์ธานี - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่ง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. มือสอบสวนของนครบาล ลงพื้นที่ร่วมคลี่คลายคดีเหตุวางเพลิงเผา และวางระเบิดป่วนที่สุราษฎร์ธานี ล่าสุด พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถออกหมายได้ เหตุพยานหลักฐานที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ
จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้วางระเบิดชนิดไปป์บอมบ์ จุดชนวนด้วยโทรศัพท์แบบตั้งเวลา ภายในกระป๋องมันฝรั่งบรรจุลูกกระสุนลูกปรายจำนวนมาก รัศมีการทำลาย 30 เมตร ที่บริเวณหน้าป้ายตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ห่างกันประมาณ 30 นาที ได้เกิดเหตุระเบิดจุดที่ 2 ที่บริเวณตู้เอทีเอ็มหน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ถนนริมเขื่อนแม่น้ำตาปี ระยะห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร มีผู้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย เมื่อเวลา 08.05 น.วันที่ 12 ส.ค.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดยังพบว่า ที่ฝาปิดกระป๋องมันฝรั่งที่ใช้บรรจุวัตถุระเบิดด้านในมีการเขียนระบุเวลาระเบิดในเวลา 08.00 น. ในจุดหน้าป้าย กก.6 กองกำกับการตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ในจุดที่ 2 หน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เขียนระบุ 08.30 น.และเหตุวางเพลิงร้านทวีสิน พลาสติก ในเวลา 03.00 น.ในวันเดียวกัน
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (17 ส.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ส่ง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. มือทำงานของ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ร่วมคลี่คลาย และจับกุมผู้ก่อเหตุวางเพลิงเผาร้านทวีสิน พลาสติก และวางระเบิดป่วนร่วมกับ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผบก.สืบสวนสอบสวนภาค 8 และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีที่ห้อง สปก.ส่วนหน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวคนขับรถตุ๊กตุ๊กพยานคนหนึ่งมาให้การต่อพนักงานสอบสวนแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยรายละเอียด
ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้ตรวจสอบเส้นทางเข้ามาก่อเหตุ และหลบหนีของผู้ก่อเหตุ หลังจากตรวจพบกล้องวงจรเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน นั่งรถตุ๊กตุ๊กมาลงที่บริเวณศาลหลักเมือง แล้วเดินมาวางระเบิดที่บริเวณข้างตู้เอทีเอ็ม หน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ จากนั้นได้ไปวางจุดที่ 2 บริเวณหน้าป้ายตำรวจน้ำ โดยทั้งคู่มีการอำพรางปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย สวมแว่นตา และสวมหมวกแก๊ป และเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันที่ไปลักลอบวางเพลิงด้วยระบบตั้งเวลาใช้มือถือเป็นตัวจุดชนวนโดยมีแอลกอฮอล์เหลวเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องเร่งตรวจกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ อีกรอบเพื่อหาภาพเพิ่มเติม หลังพบว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการออกหมายจับได้เนื่องจากยังไม่ได้ภาพของผู้ก่อเหตุที่ชัดเจนกว่านี้