ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รอง ผบ.ตร.ลงภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าคดีวางระเบิดที่ป่าตอง ยืนยันทำคดีเต็มที่ ฝากสื่อประชาสัมพันธ์ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงกินอิ่มนอนหลับ ระบุตำรวจทำคดีเต็มที่สืบถึงใครจับถึงคนนั้น ขณะที่การดำเนินคดีต่อคนร้ายเผยออกหมายจับไปแล้ว 1 ราย ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เผยภาพกล้องวงจรปิดเห็นหน้าชัดเจน
วันนี้ (16 ส.ค.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ป่าตอง เพื่อร่วมประชุมกับคณะทำงานสอบสวนคดีคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ป่าตอง จำนวน 5 จุด โดยมี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตำรวจภูธรภาค 8 ตร.ภูธรภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ป่าตอง อ.กะทู้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวก่อนที่จะมีการประชุมถึงการเดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต ว่า ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยวันนี้มีการขอศาลมณฑลทหารบกที่ 41 อนุมัติหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดในจังหวัดภูเก็ตแล้ว 1 ราย โดยมีหลักฐานสำคัญคือ ดีเอ็นเอที่ปรากฏบนหลักฐานชิ้นส่วนระเบิดในจังหวัดภูเก็ต แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเกี่ยวข้องในขั้นตอนไหน ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องต่อคดีขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ามีความชัดเจนพยานสาวไปถึงก็พร้อมที่จะขอออกหมายจับเพิ่มเติบแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะออกหมายจับเพิ่มกี่ร้าย แต่ถ้าหลักฐานสาวไปถึงใครก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่หลักฐานที่เกี่ยวกับโทรศัพท์ที่มีการระบุมาเป็นการนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอตอบเพราะเป็นหลักฐานที่อยู่ในสำนวน เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ในส่วนของตนนั้นรับผิดชอบในเรื่องของการสอบสวน ถ้าสอบถึงใครก็พร้อมที่จะดำเนินการทันที ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหน้าที่ในการประสานตาม ป.วิอาญา และถ้าเรารวบรวมพยานหลักฐานได้เราจะมีการติดต่อไปทุกแห่ง และขอยืนยันว่าตำรวจทำงานเต็มที่ และขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว สาวถึงใครจับถึงคนนั้น
ส่วนกรณีการเฝ้าระวังพื้นที่หลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังมีการพบระเบิดเพิ่มในอีกหลายจุดนั้น พล.ต.อ.ศรัวราห์ กล่าวว่า ระเบิดที่พบเพิ่มเติมคาดว่าเป็นของเก่าที่คนร้ายนำมาวางไว้พร้อมกัน ส่วนเรื่องของการติดตามจับกุมคนร้ายนั้น ตนขอยืนยัน และฝากสื่อมวลชนช่วยกระจายข่าวไปยังพี่น้องประชาชนด้วยว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการจับกุมคนร้าย ขอให้กินอิ่มนอนหลับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทำงานเต็มที่ ขณะที่การสืบสวนเชิงลึกไปถึงผู้บ่งการนั้นเราทำแน่นอนอยู่แล้ว สาวถึงใครตามจับถึงนั้น เราต้องบังคับใช้กฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุม พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่พบระเบิดเมื่อวันที่ 10 และวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาคือ ที่ศูนย์การค้าพาราไดส์ พลาซ่า ถนนราชอุทิศ 200 ปี และพื้นที่ที่เกิดระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.คือ จุดปากซอยบาลา ด้วย
หลังจากนั้น รอง ผบ.ตร.ได้กล่าวเพิ่มเติมต่อผู้สื่อข่าวถึงผลสรุปหลังจากการประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการประชุมพบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ต้องทำการบ้านอีกหลายข้อในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว โดยได้สอบประจักษ์พยานไปกว่า 10 ปาก และสอบพยานแวดล้อมไปกว่า 30-40 ปาก ขณะที่การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบไล่เก็บแต่ละกล้อง ซึ่งเห็นหน้าคนก่อเหตุชัดเจน ส่วนจะใช้เวลานานเพียงใดนั้นไม่สามารถตอบได้ แต่ยืนยันว่าการสอบสวนไม่ตัน
วันนี้ (16 ส.ค.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ป่าตอง เพื่อร่วมประชุมกับคณะทำงานสอบสวนคดีคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ป่าตอง จำนวน 5 จุด โดยมี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตำรวจภูธรภาค 8 ตร.ภูธรภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ป่าตอง อ.กะทู้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวก่อนที่จะมีการประชุมถึงการเดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต ว่า ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยวันนี้มีการขอศาลมณฑลทหารบกที่ 41 อนุมัติหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดในจังหวัดภูเก็ตแล้ว 1 ราย โดยมีหลักฐานสำคัญคือ ดีเอ็นเอที่ปรากฏบนหลักฐานชิ้นส่วนระเบิดในจังหวัดภูเก็ต แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเกี่ยวข้องในขั้นตอนไหน ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องต่อคดีขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ามีความชัดเจนพยานสาวไปถึงก็พร้อมที่จะขอออกหมายจับเพิ่มเติบแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะออกหมายจับเพิ่มกี่ร้าย แต่ถ้าหลักฐานสาวไปถึงใครก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่หลักฐานที่เกี่ยวกับโทรศัพท์ที่มีการระบุมาเป็นการนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอตอบเพราะเป็นหลักฐานที่อยู่ในสำนวน เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ในส่วนของตนนั้นรับผิดชอบในเรื่องของการสอบสวน ถ้าสอบถึงใครก็พร้อมที่จะดำเนินการทันที ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหน้าที่ในการประสานตาม ป.วิอาญา และถ้าเรารวบรวมพยานหลักฐานได้เราจะมีการติดต่อไปทุกแห่ง และขอยืนยันว่าตำรวจทำงานเต็มที่ และขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว สาวถึงใครจับถึงคนนั้น
ส่วนกรณีการเฝ้าระวังพื้นที่หลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังมีการพบระเบิดเพิ่มในอีกหลายจุดนั้น พล.ต.อ.ศรัวราห์ กล่าวว่า ระเบิดที่พบเพิ่มเติมคาดว่าเป็นของเก่าที่คนร้ายนำมาวางไว้พร้อมกัน ส่วนเรื่องของการติดตามจับกุมคนร้ายนั้น ตนขอยืนยัน และฝากสื่อมวลชนช่วยกระจายข่าวไปยังพี่น้องประชาชนด้วยว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการจับกุมคนร้าย ขอให้กินอิ่มนอนหลับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทำงานเต็มที่ ขณะที่การสืบสวนเชิงลึกไปถึงผู้บ่งการนั้นเราทำแน่นอนอยู่แล้ว สาวถึงใครตามจับถึงนั้น เราต้องบังคับใช้กฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุม พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่พบระเบิดเมื่อวันที่ 10 และวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาคือ ที่ศูนย์การค้าพาราไดส์ พลาซ่า ถนนราชอุทิศ 200 ปี และพื้นที่ที่เกิดระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.คือ จุดปากซอยบาลา ด้วย
หลังจากนั้น รอง ผบ.ตร.ได้กล่าวเพิ่มเติมต่อผู้สื่อข่าวถึงผลสรุปหลังจากการประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการประชุมพบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ต้องทำการบ้านอีกหลายข้อในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว โดยได้สอบประจักษ์พยานไปกว่า 10 ปาก และสอบพยานแวดล้อมไปกว่า 30-40 ปาก ขณะที่การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบไล่เก็บแต่ละกล้อง ซึ่งเห็นหน้าคนก่อเหตุชัดเจน ส่วนจะใช้เวลานานเพียงใดนั้นไม่สามารถตอบได้ แต่ยืนยันว่าการสอบสวนไม่ตัน