ยะลา - รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุผู้อยู่เบื้องหลังก่อเหตุความไม่สงบไร้อุดมการณ์ พยายามขัดขวางประชาชนไม่ให้ออกไปลงเสียงประชามติ
วันนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงสร้างความเข้าใจต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยในการลงประชามติ และเหตุการณ์การก่อกวนในวันที่ 6 สิงหาคม 2559
จากกรณีเหตุก่อกวนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2559 ด้วยการวางระเบิดเสาไฟฟ้า ในหลายอำเภอของจังหวัดนราธิวาส ทำให้เกิดความเสียหายต่อเสาไฟฟ้า และระบบไฟฟ้า แต่ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้ระบบไฟฟ้ากลับมาใช้งานตามปกติด้วยเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ เพราะความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ร่วมกันควบคุมสถานการณ์เพื่อมิให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อน
การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง เพียงเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่มเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงโค้งสุดท้ายของการลงประชามติสามารถบ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนสร้างสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มโดยไม่มีอุดมการณ์เพื่อประชาชนดังที่กล่าวอ้าง เพราะได้ทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการออกไปใช้สิทธิ และสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสอดคล้องต่อแนวคิดของกลุ่มบางกลุ่มที่พยายามชี้นำ และบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นการศึกษาและศาสนา เพื่อสร้างความรู้สึกร่วม และเติมเชื้อไฟของความรุนแรงที่สร้างความเดือดร้อน และทำลายความหวังของประชาชน จึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้ร่วมกันแสดงจุดยืนที่มั่นคงด้วยการปฏิเสธพฤติกรรมดังกล่าว และออกไปใช้สิทธิด้วยดุลพินิจของตนเองโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพราะคนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันกำหนดอนาคตของบ้านเมือง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้กรุณาสั่งการให้ดูแลความสงบเรียบร้อยในการลงประชามติ และได้ให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชนให้ร่วมกันใช้สิทธิโดยมิต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใด และท่านยังได้กรุณาให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนายไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหารให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเต็มขีดความสามารถ รวมทั้งเน้นย้ำให้กำลังพลวางตัวเป็นกลางในการลงประชามติ
โดย พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดยเน้นในเรื่องการดูแลความปลอดภัยให้แก่หน่วยลงประชามติ และเส้นทางการลำเลียงหีบบัตร ตลอดจนให้จุดตรวจจุดสกัดต่างๆ เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติงาน และสั่งการให้แต่ละหน่วยเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ โดยให้บูรณาการกำลังทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร และกำลังภาคประชาชนในการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้กำลังพลทุกหน่วยหมุนเวียนกันไปใช้สิทธิในการลงประชามติสลับกับการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่