ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แฉผ่านโลกโซเชียล โพยจ่ายส่วยแรงงานต่างด้าวในภูเก็ต มีมากเกือบ 20 หน่วยงานเรียกเก็บ ระบุชื่อบุคคล หน่วยงาน เบอร์โทร.พร้อม ผู้ว่าฯ จี้ผู้ประกอบการหอบหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีคนทำผิดได้เลย ระบุตนพร้อมตรวจสอบดำเนินการ เชื่อถ้าทำถูกต้องไม่ต้องกลัวใครจะเรียกเก็บได้ ขณะที่ผู้การระบุพร้อมดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ทุกฝ่ายผิดก็ว่าไปตามผิด
วันนี้ (3 ส.ค.) หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากจังหวัด เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ชะลอการจับกุมแรงงานต่างด้าว เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการออกบัตรอนุญาตทำงาน แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมอย่างหนัก พร้อมเรียกร้องให้การขออนุญาตพื้นที่กลับมาแบ่งเขตอำเภอ หรือจังหวัด แทนการแบ่งเขตเป็นหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการยื่นข้อเรียกร้องต่อทางจังหวัดแล้วเสร็จ กลับมีข้อมูลรายชื่อเป็นแผ่นกระดาษเอ 4 ที่ระบุ ทั้งชื่อเล่น หน่วยงานประมาณ 20 หน่วยงาน และเบอร์โทร. รวมทั้งหมายเลขบัญชีธนาคารของบุคคลออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่าเป็นบัญชีการจ่ายส่วยของผู้ประกอบการที่จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีทั้งตำรวจภุธร ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง ตม. คอมมานโด ภูธรภาค 8 ตชด.สืบสวนจังหวัด กองปราบปราม ตร.น้ำ และอื่นๆ โดยมีตัวเลขการจ่ายเงินหน่วยละ 2,000-3,000 ระบุจ่ายทุกวันที่ 10 ของเดือน มีทั้งที่ไปรับเองและโอนผ่านบัญชีในชื่อบุคคลอื่น หลังจากมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาโพสต์ พบว่า มีการแชร์กันไปเป็นจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องส่วยเป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือเวียนถึงผู้ประกอบการมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งขอความร่วมมือหากมีหลักฐานว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐเรียกเก็บเงินให้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นได้เลย ซึ่งตนก็ไม่สนับสนุนให้มีการจ่ายส่วย หรือจ่ายเงินให้แก่ใคร และขอให้ทุกคนทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าทำถูกก็ไม่มีใครกล้าไปเรียกเก็บอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของผู้เสียหายย่อมรู้แก่ใจดีว่าเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้แจ้งความดำเนินคดี หรือเอาหลักฐานมาร้องเรียนกับตนได้เลย ตนพร้อมที่จะรับเรื่องร้องเรียน และดำเนินการตรวจสอบและว่ากันไปตามกฎหมายอย่างแน่นอน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็จะต้องทำให้ถูกต้องทุกกรณี อย่าให้ อย่ารับ แต่ที่ผ่านมา มีการพูดเรื่องการจ่ายส่วยในเรื่องต่างๆ แต่ไม่เคยมีผู้เสียหาย หรือคนจ่ายส่วยมาร้องเรียนเลย ถ้าผู้ประกอบการต้องการที่จะให้ทางจังหวัดดำเนินการให้รวบรวมพยานหลักฐานมาร้องเรียนกับตนได้โดยตรง ตนพร้อมที่จะตรวจสอบ หากถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรมให้มาพบตนได้เลย
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีมีชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้าไปเกี่ยวข้อง ในส่วนของตนก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนทั้ง 2 ส่วน คือ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่มีชื่อว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ รวมทั้งในส่วนของเอกสารที่นำมาเผยแพร่ว่ามีที่มาอย่างไร ซึ่งตนไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเรียกเก็บส่วยแต่อย่างใด รวมทั้งในส่วนของผู้เสียหายหากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกรังแกก็ให้มาแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตนพร้อมที่จะตรวจสอบ และดำเนินการต่อผู้ที่กระทำความผิดอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าจะต้องรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตขึ้นมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
วันนี้ (3 ส.ค.) หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากจังหวัด เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ชะลอการจับกุมแรงงานต่างด้าว เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการออกบัตรอนุญาตทำงาน แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมอย่างหนัก พร้อมเรียกร้องให้การขออนุญาตพื้นที่กลับมาแบ่งเขตอำเภอ หรือจังหวัด แทนการแบ่งเขตเป็นหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการยื่นข้อเรียกร้องต่อทางจังหวัดแล้วเสร็จ กลับมีข้อมูลรายชื่อเป็นแผ่นกระดาษเอ 4 ที่ระบุ ทั้งชื่อเล่น หน่วยงานประมาณ 20 หน่วยงาน และเบอร์โทร. รวมทั้งหมายเลขบัญชีธนาคารของบุคคลออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่าเป็นบัญชีการจ่ายส่วยของผู้ประกอบการที่จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีทั้งตำรวจภุธร ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง ตม. คอมมานโด ภูธรภาค 8 ตชด.สืบสวนจังหวัด กองปราบปราม ตร.น้ำ และอื่นๆ โดยมีตัวเลขการจ่ายเงินหน่วยละ 2,000-3,000 ระบุจ่ายทุกวันที่ 10 ของเดือน มีทั้งที่ไปรับเองและโอนผ่านบัญชีในชื่อบุคคลอื่น หลังจากมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาโพสต์ พบว่า มีการแชร์กันไปเป็นจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องส่วยเป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือเวียนถึงผู้ประกอบการมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งขอความร่วมมือหากมีหลักฐานว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐเรียกเก็บเงินให้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นได้เลย ซึ่งตนก็ไม่สนับสนุนให้มีการจ่ายส่วย หรือจ่ายเงินให้แก่ใคร และขอให้ทุกคนทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าทำถูกก็ไม่มีใครกล้าไปเรียกเก็บอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของผู้เสียหายย่อมรู้แก่ใจดีว่าเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้แจ้งความดำเนินคดี หรือเอาหลักฐานมาร้องเรียนกับตนได้เลย ตนพร้อมที่จะรับเรื่องร้องเรียน และดำเนินการตรวจสอบและว่ากันไปตามกฎหมายอย่างแน่นอน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็จะต้องทำให้ถูกต้องทุกกรณี อย่าให้ อย่ารับ แต่ที่ผ่านมา มีการพูดเรื่องการจ่ายส่วยในเรื่องต่างๆ แต่ไม่เคยมีผู้เสียหาย หรือคนจ่ายส่วยมาร้องเรียนเลย ถ้าผู้ประกอบการต้องการที่จะให้ทางจังหวัดดำเนินการให้รวบรวมพยานหลักฐานมาร้องเรียนกับตนได้โดยตรง ตนพร้อมที่จะตรวจสอบ หากถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรมให้มาพบตนได้เลย
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีมีชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้าไปเกี่ยวข้อง ในส่วนของตนก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนทั้ง 2 ส่วน คือ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่มีชื่อว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ รวมทั้งในส่วนของเอกสารที่นำมาเผยแพร่ว่ามีที่มาอย่างไร ซึ่งตนไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเรียกเก็บส่วยแต่อย่างใด รวมทั้งในส่วนของผู้เสียหายหากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกรังแกก็ให้มาแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตนพร้อมที่จะตรวจสอบ และดำเนินการต่อผู้ที่กระทำความผิดอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าจะต้องรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตขึ้นมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป