กระบี่ - หนุ่มพิการ เมืองกระบี่ สร้างเรื่องโกหกผ่านเฟซบุ๊ก พ่อตาย ป่วยหนัก มีผู้หวังดีหลงชื่อโอนเงินช่วยเหลือหลายพันบาท
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (29 ก.ค.) นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกระบี่ พ.ต.ต.นพดล กล่อมพงษ์ สว.กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ได้นำตัว นายพรหมมินทร์ ถิ่นหนองจิก อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.4 ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ ซึ่งมีสภาพร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ แขนขาอ่อนแรง ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันเดินมาทำการสอบสวนหลังพบมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อหลอกโอนเงินมาให้ มีผู้เสียหายหลายราย
นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากได้รับการประสานจากทางมูลนิธิพิทักษ์เด็ก ว่า มีผู้หวังดีได้โอนเงินช่วยเหลือ นายปริง อายุ 13 ปี กำลังเรียนอยู่โรงเรียนชื่อดังของจังหวัด ซึ่งได้ขอความช่วยเหลือผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อครูบ้านนอก โดยอ้างว่า อยู่กับน้องสาว กำลังป่วยหนัก พ่อตาย ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ บ้านอยู่ในพื้นที่ ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ หลังได้รับแจ้งก็ได้เดินทางไปตรวจสอบเพื่อให้การช่วยเหลือทันที แต่ไม่พบตัว และพยายามสอบถามจากกำนันในพื้นที่ก็ไม่มีใครรู้จัก
และได้พยายามติดต่อหลายครั้ง ครั้งแรกติดต่อได้ แต่หลังจากที่บอกว่าเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ขอให้บอกที่อยู่ที่ชัดเจนเพื่อจะได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงน่าเชื่อว่านายปริง ได้สร้างเรื่องโกหกขึ้นเพื่อหลอกลวงโดยหวังผลบางอย่าง จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยหาตัวจากการโอนเงินที่ปลายทาง จนพบว่า เจ้าของบัญชีอยู่ในพื้นที่ ม.4 ต.เขาคราม อ.เมือง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่ติดตามตัวมาทำการสอบสวน พร้อมกับให้โอนเงินคืนผู้หวังดีทั้งหมด
ด้าน พ.ต.ต.นพดล กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น นายพรหมมินทร์ ได้สร้างเรื่องขึ้นมาจนมีผู้หลงเชื่อโอนเงินมาให้หลายครั้งเป็นเงินหลายพันบาท หลังจากสอบปากเสร็จก็ปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อรอให้ทางผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดเพื่อเอาผิดในฐานฉ้อโกง และความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายพรหมมินทร์ ถูกแจ้งความ และถูกจับกุมฐานฉ้อโกงมาแล้ว 3 คดี เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งจะนัดตัดสินคดีแรกในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ ขอฝากเตือนประชาชนอย่างได้หลงเชื่อควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนการช่วยเหลือใดๆ ในโลกโซเชียล