ยะลา - นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติแห่เดินทางไปเยี่ยมชมมัสยิด สถานที่ราชการ และบ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือน ที่จมอยู่ใต้เขื่อนบางลางมากว่า 36 ปี ซึ่งได้โผล่ขึ้นมาหลังน้ำลดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
วันนี้ (27 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังระดับน้ำในเขื่อนบางลาง บ้านสายเก่า (บ้านโต) หมู่ 5 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ได้ลดลงในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติต่างเดินทางไปเยี่ยมชมมัสยิด สถานที่ราชการ และบ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือน ที่จมอยู่ใต้เขื่อนบางลาง มากว่า 36 ปี ซึ่งได้โผล่ขึ้นมาหลังน้ำลด เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนบางลาง ที่ถูกน้ำท่วมทั้งหมดหมู่บ้าน หลังการสร้างเขื่อนเสร็จในปี 2519
โดยนักท่องเที่ยวต่างพากันไปเที่ยวชม และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่บอกว่า ไม่เคยเห็นชุมชนแห่งนี้มาก่อน จึงอยากมาเที่ยวชม ซึ่งหมู่บ้านที่จมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านเรียกว่า “บ้านโต” เป็นหมู่บ้านในตำนาน เดิมเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ในอดีตเป็นเส้นทางค้าขาย และเส้นทางเดินทางจาก อ.เบตง ไปยัง จ.ยะลา มีการก่อสร้างโรงเรียน มัสยิด วัด สุสาน สถานีตำรวจ สถานีอนามัย รวมทั้งโรงไฟฟ้าย่อย ซึ่งสิ่งก่อสร้างทั้งหมดได้กลายเป็นเมืองในอดีตที่จมอยู่ใต้น้ำของเขื่อนบางลาง
ซึ่งพบเพียงมัสยิดหลังเดียวที่ยังคงสภาพยึดโครงสร้างไว้ได้ ส่วนอื่นๆ เหลือแต่เพียงโครงสร้างที่เป็นเสา และฐานสิ่งก่อสร้าง โดยยังพบเครื่องใช้ในบ้านบางส่วนหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะมัสยิดอิสลามียะห์ กับสุสาน ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ในพื้นที่ รวมทั้งรั้วที่ล้อมรอบวิหารด้วย
นายณรงค์ ศรีนิลสิทธิ์ ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านบอกว่า ผ่านมากว่า 36 ปี ก็เพิ่งเคยเห็นหมู่บ้านนี้เป็นครั้งแรกที่โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ หลังจากน้ำในเขื่อนบางลางแห่งนี้แล้งสุดในรอบกว่า 36 ปี โดยมีชาวบ้านในพื้นที่นำเรือ 5 ลำ มาให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปชมหมู่บ้านเก่าฟรี เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นอีกด้วย
โดยเขื่อนบางลาง เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่กรกฎาคม 2519 เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของภาคใต้ เมื่อการสร้างเขื่อนบางลางใน อ.ธารโต จ.ยะลา เสร็จสิ้นลง เมื่อเดือนมิถุนายน 2524 ชุมชนในพื้นที่ที่ชื่อว่า “บ้านโต” ได้จมลงใต้อ่างเก็บน้ำ ตั้งแต่นั้นมาจวบจนกระทั่งในไม่กี่วันมานี้ น้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนได้แห้งลงไปมาก ทำให้ซากใต้น้ำของหมู่บ้าน ซึ่งเดิมมีอยู่ร้อยกว่าหลังคาเรือน รวมทั้งวัด และมัสยิดได้กลับมาปรากฏแก่สายตาประชาชนอีกครั้งในรอบ 40 ปี
นายณรงค์ ศรีนิลสิทธิ์ ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวอีกว่า หมู่บ้านโตในครั้งก่อนโน้นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการไปมาหาสู่ระหว่างตัว อ.เบตง และตัว จ.ยะลา มีการค้าขายเจริญรุ่งเรือง รวมทั้งมีโรงเรียน วัด มัสยิด สุสาน โรงพักตำรวจ สถานีอนามัย และโรงไฟฟ้าย่อย ซึ่งต่อมาจมอยู่ใต้น้ำเขื่อนบางลางทั้งหมด
“เราจะเห็นมัสยิดอิสลามียะห์ ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ในพื้นที่ รั้วที่ล้อมรอบวิหาร เสา อาคารโครงสร้างบ้านเรือนที่ยังคงเหลือให้เห็นเป็นที่อัศจรรย์อย่างมาก ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า ผ่านมาเกือบ 40 ปี เพิ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากน้ำในเขื่อนแห่งนี้แล้งสุด” ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าว
นายณรงค์ ศรีนิลสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในวันนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากจาก จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย เดินทางมาเที่ยวชมชุมชนโบราณใต้น้ำแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่เขื่อนบางลาง หมู่ 5 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา หลังน้ำในเขื่อนลดระดับลงมาอย่างมากเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว
นายณรงค์ ศรีนิลสิทธิ์ ชาวบ้านในพื้นที่ และมีอาชีพเสริมให้บริการเรือรับส่ง กล่าวว่า หลังจากเกิดปรากฏการณ์นี้ ได้ร่วมกับเพื่อนๆ ให้บริการเช่าเรือ ซึ่งมีกันอยู่ 5 ลำ มาคอยให้บริการรับส่งประชาชนจากสันเขื่อน เดินทางเข้ามาดูเมืองเก่า โดยไม่มีการคิดเงิน แต่ส่วนมากประชาชนที่มาใช้บริการต่างก็ให้เงินจำนวนหนึ่งเป็นสินน้ำใจไว้จ่ายค่าน้ำมันเรือ
