xs
xsm
sm
md
lg

“ตุด นาคอน” OUT OF IT ฟังอัลบั้มใหม่ในทรรศนะของ “พืช สะพาน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
โดย..พีชพงศ์ พิทักษ์ (พืช สะพาน)

กลับไปเมืองคอนหลายหนหลังๆ มานี้ ผมไม่ได้ไปปะทะเสวนากะศิลปิน ตุด นาคอน เหมือนที่ผ่านมา

ราวข่าวทาง Facebook มาระยะหนึ่งแล้วว่าเขากำลังออกงานเพลงชุดใหม่ ที่ทำร่วมกับศิลปินฝรั่ง Moscowfish ชาวแคนาดา หนล่าสุดก็เช่นกัน ผมจัดการเวลาเจียดไปเจียดมาไม่ลงตัว ก็เลยพลาดโอกาสอีก แต่กระนั้น ตุด นาคอน ยังมีแก่ใจฝากงานเพลง มาให้ผม พร้อมโทร.มาสำทับว่า ให้ช่วยวิจารณ์ให้สักนิด และกำชับว่าอย่าเอาแต่ชมนะ...หลังจากพินิจงานในภาพรวม และฟังเพลงถี่ถ้วนหลายเที่ยว ผมจึงร่ายบทวิจารณ์นี้ ไม่ต้องตามทฤษฎีอะไร เอาตามใจชอบของผมโดยได้พยายามจะทำตามที่ตุดร้องขอ นั่นคือ การหาจุดที่ไม่น่านิยมชมชอบในงานชุดนี้เท่าที่จะทำได้...

ใช่แล้ว คืองานซีดีเพลงที่อยู่ในมือผมตอนนี้ OUT OF IT (is new world fusion by Tud Nakhon&Moscowfish) กับปกที่ทำจากกระดาษแข็ง เหมือนจะลดการใช้พลาสติก แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กับภาพปกหน้าอัน “โมร๊ะเมี้ยว” ด้วยแสงเงาทึมทึบอัปลักษณ์ เหมือนในหนังหรั่ง ที่พระเอกเดินออกมาหาแสงแห่งชัยชนะหลังจากปราบปีศาจร้ายลึกลับในอุโมงค์มืดมิดนั้นลงได้ ตุด เดินหิ้วกีตาร์ แคงหัวเล็กน้อยพองาม ทั้งบรรดาสาวก และไม่สาวก แลปกคงว่าเท่ร้ายกาจมากๆ แต่พระคุณเจ้า มันแลเท่จริงๆ งั้นแงะ เป็นภาพปกระดับสากลเลยเทียว ไม่เอา น่า อย่าไปเผลอชมเข้าสิ เดียวจะไม่ตรงเจตนารมณ์ของตุด...

งัดเพลงมาฟังกันดีกว่า ใครที่คิดว่าแทร็กแรกจะได้ยินเสียงปี่โหยหวน พร้อมทำนองจังหวะแบบพื้นบ้าน อย่างเพลงสร้างชื่อ ของตุด นาคอน คือเพลง “แต่ก่อน” นั่นนะรึ ผิดหวังได้เลย! ตุดฉีกพลิกคว่ำขวิดตุง หลายตลบ ด้วยเพลงมาลัยดอกรัก (Crow of Flower) ที่อินโทรหวานนุ่มละมุนหู ของเครื่องดนตรีอะคูสติก สไลด์กีตาร์โปร่ง เครื่องเคาะดุ๊บดั๊บดึดดึ๋ง ออกไปทางขลัง มาพร้อมกับเสียงของ Moscowfish ที่สอดประสานมาอย่างโหยหวน หวานหวิวน่าขี้ขลาด แต่กลมกลืนลงตัว เนื้อเพลงเบาๆ บ่งบอกสายสัมพันธ์ฉันและเธอ ทำนองว่าเก็บดอกไม้มาร้อยมาลัยให้เธอนะแหละ สำหรับผมเองคิดว่าเนื้อร้องมันเชยไปสักนิด ตุดร้องสบายๆ ปาก ฟังสบายหูเกินไป ใครที่เมา หรือยันค้างๆ อาจหลับลึกลุกไม่รอดในเพลงแรกนี่ แต่เสน่ห์ของการสอดใส่เสียงหวูด พร้อมท่อนภาษาหรั่งตรงท่อนโซโล และเสียงประสานท่อนสร้อย ทำให้เพลงนี้ซึ่งยาวตั้ง 5 นาทีครึ่งฟังเพลินจนจบไม่รู้ตัว คนอื่นไม่รู้ แต่ผมแว่บนึกถึงพื้นเพลงคาราวาน ที่สอดแทรกกลิ่นอายสากลเข้ามา

พอแทร็กที่สอง ฟังท่อนขึ้น เดาทางไม่ถูก คลับคล้ายเพลงชนเผ่าแอฟริกัน พอจับจังหวะดีๆ เอาลูกเอานี่มันประมาณรำวงเวียนครกล้ำสมัยนี่หว่า จนตุดเปล่งคำร้องออกมาว่า “หวังเหวิด” ที่แปลว่าข้องใจเป็นห่วง เข้าเนื้อร้องปั๊บ เอาแหละทีนี้ พวกเมาหรือยัน ค่อยถกคอแลกราฟิกอิควอไลเซอร์ที่โดดโลดเต้นริกๆ เพลงนี้ ถ้าต้นฉบับเพลง คือสุดยอดศิลปินใต้ “สาริกา กิ่งทอง” คืนชีพมาฟัง คงหมายไม่ได้ว่านี้เพลงหวังเหวิด ที่เคยร้องไว้ ตุดเอามาตีความเรียบเรียงใหม่ เสียเนียนแปลบๆ จังหวะกระชับแน่นตึบๆ พวกที่ฟังเพลงกะลำโพงมือถือ ควรเร่งเสียบหูฟังเร็วพลัน เพื่อสัมผัสริธึม ที่เต็มอิ่ม ผมรำคาญขัดหูอยู่บ้างในตอนแรก เพราะเคยชินกับเวอร์ชันที่สาริการ้อง ฟังหลายๆ เที่ยวเข้า อัลลา! เหมือนได้ฟังเพลงใหม่ เสียงร้อง ใส่ดีเลย์หลอนๆ ช่วงประสานเสียง “รู้สึกตัวแล้วงามงอนๆ” ผมอยากได้เมโลดีแบบสาริการ้องอีกสักแทร็ก แต่ไม่พรือไม่เป็นไร นึกเอามั่งก้าได้...

ว่าจะข้ามแทร็กที่สามไม่แหลงถึง แต่ ไม่ได้ ทำกันพรรค์นี้ สาวกตุด นาคอน ที่ยังหลับ ถกแค่คอ ได้ลุกขึ้นตาแจ้งใจสว่างกับเพลงนี้แหละ Wanna be Free เนื้อเพลงไทย-ฝรั่งผสมกลมกลืน จังหวะลีลาหนุกหนานทันสมัย เนื้อหาดีทีเดียวเชียว มีสอดแทรกภาษาใต้มาแบบนวลเนียน ผมไม่ได้ชมดอกนะ แค่ชอบๆ

ตายๆ นี่ถ้าผมจะไล่เรียงรายแทร็ก น่าจะยาวยืด Walk away เนื้อร้องภาษาหรั่ง มาแบบสะอาดๆ ใสกริบ สอดเสียงประสานตามมาตรฐาน ตุดสอดแทรกคำพูดเชิงปรัชญาแนวท่านพุทธทาส “มันเป็นเช่นนั้นเอง” “ฟังเสียงหัวใจ” ก็เช่นกัน ทั้งสองเพลงนี้กินเวลาหมดไปสิบเอ็ดนาที ตุด ทำผมเสียเวลาหรือเปล่า หือ เปล่าเลย ผมฆ่าเวลาของผมเองต่างหาก พอถึงเพลงนี้ผมชักรู้สึก ว่า ตุด นาคอน กับ Moscowfish ทะลวงพรมแดนเชื้อชาติ เคมีเข้ากันเนียน เหมือนผสมรำให้หมู แต่โรยแป้งสาลีคลุกเข้าไปกัน เสนาะในลีลา กีตาร์ เมาท์ออร์แกน หรือตุดพยายามบอกเป็นนัยๆ ว่า ลองฟังแลถิเสียง หัวใจของคนเดินทาง สามารถไปไกลข้ามพ้นขอบฟ้าสากลได้หรือไม่อย่างไร ผมได้คำตอบเมื่อเพลงจบ ไม่ใช่แค่ๆ แต่ไปได้พ้นขอบฟ้านั้นแล้ว

“ระบำสายน้ำ” มาทางจังหวะเต้นรำ หนุกหนาน ซาวนด์ดนตรีคีย์บอร์ดใหญ่ขึ้น และยังไม่ลืมเสียงโหยหวน ของ Moscowfish เพลงไรว้า แค่ฟังเสียง ดนตรีผสมเสียงเสียงฮัมฮือฮาลาล้า ไปทั้งเพลงก็เพราะแล้ว บ้าจริง..!

“พรหมน้ำ พรหมแผ่นดิน” (Last Mountain) เสียงกระดึงไม้ สะท้อนเสียงธรรมชาติ ชวนจินตนาการถึงขุนเขาทะมึนที่เสียดฟ้า ที่มีฝนโปรย ท่ามกลางม่านหมอกหนาเย็นชื่น เห็นป่า เห็นน้ำ เห็นจิตใจผู้คนท่ามกลางความสงบเย็น แม่เหย ฮาย!

แทร็กที่เหลือ Everything is Fleeting ,Passing Through, Skyline (บรรเลง) ล้วนแต่มาในสไตล์เพลงฝรั่งที่ผมชอบ แต่แปลไม่ชับ แน่นอนว่า สัมผัสดนตรีสดๆ เหมือนไรดี สดเหมือน หน่อไม้ หรือปลายดอกเห็ดที่เพิ่งแทงรับฝนแรก จะยอดแหลมแข็ง หรือปลายป้านนุ่ม ก็สามารถโผล่พ้นดินมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้จะเพียงชั่วขณะ และเดี๋ยวก็ผ่านลับไป จะดุ่มเดินแค่บนแผ่นดินหรือ หรือฉวัดเฉวียนไปยังเส้นขอบฟ้า ก็ยังคงงดงาม

พอฟังหลายเพลงผมรู้สึกนิดว่าเสียงโหยหวนของ Moscowfish จะมาอย่างตั้งใจมากเกินไป ใครเมา หรือยันมากๆ พอมาถึงเพลงท้ายๆ ใครจะหลบจะเลื้อยไปหยบแอบนอนอีกเล่าก็ช่าง แต่ถ้าใครพอมีเวลา และลุกขึ้นแล้ว ท่ามกลางชีวิตเร่งรีบ ร้อนรน รุมเร้านี้ น่าจะทนตื่นฟังเพลงชุดนี้ของตุด นาคอน ไปจนจบอัลบั้ม

มาถึงแทร็กสุดท้าย ออกมา (Come on out) น่าจะเป็นบทสรุปที่ชัดเจน เนื้อเพลง ตรงกับข้อความที่ตุดพยายามสื่อในปก เสียใจด้วย สำหรับคนที่ Copy Files เพลงเขามา ที่คุณอาจไม่ได้อ่านความในใจของตุด ที่เจ็บลึก คล้ายตัดพ้อบางอย่าง แต่เสริมพลังศิลปินผู้สร้างศิลป์ไปในตัว แถมยังพลาดโอกาสในการหัดอ่านภาษาหรั่งบนปกที่เต็มไปเสียเหม็ด

ไม่น่าไม่..! ผมไม่ชอบเพลงชุดนี้ โดยรวมมันลงตัวอย่างน่าเกลียด น่าฟังเกินไป เนื้อหาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่เกินไป ตุดไม่ควรทำพรรค์นี้ มันแสดงถึงวุฒิภาวะทั้งทางการสร้างเนื้อร้อง และทางดนตรีจนเกินไป มันเข้าใกล้เข้าแค่คำว่า “โกอินเตอร์” เกินไป

งานชุดนี้ ถ้าคนที่ไม่ชอบงานเพลงที่เข้าขั้นคุณภาพ ระดับสากล ไม่ชอบเพลงประเภทน้ำยาล้างหู ไม่ชอบเพลงที่สะท้อนก้นบึ้งของจิตวิญญาณตะวันออกตะวันตก ไม่ชอบเพลงที่ผสมผสานทางสากล ไม่ชอบเพลงปรัชญา ปวดหัว แนะนำว่า ไม่ควรซื้อหามารับฟังอย่างเด็ดขาด.. แต่ไม่เป็นไร ศิลปินอย่างตุดคงไม่รบกวนใคร งานเพลงชุดนี้หากต้องการสั่งซื้อได้ผ่านทาง Facebookหรือเบอร์โทร.เจ้าตัว ที่คุณต้องไปสืบค้นเอาเองเท่านั้น ผมเตือนแล้วคุณแล้วนะ ที่สำคัญ ถ้าคุณอยากได้ขึ้นมาทีหลัง แล้วแผ่นซีดีจำนวนจำกัด หมดเสียก่อน ตุดจะกลายเป็นคนใจร้าย คนขี้ชิด ว่ากันไม่ได้

อีกอย่างหนึ่งคนที่จ้องจะก๊อบปี้ไฟล์ไปฟังโดยไม่ลงทุน คุณก็จะขาดอรรถรสในการจับต้องปกซีดี อัน “โมร๊ะเมี้ยว” แสงเงาทึมทึบอัปลักษณ์ เหมือนในหนัง ที่พระเอกเดินออกมาหาแสงแห่งชัยชนะหลังจากปราบปีศาจร้ายลึกลับในอุโมงค์มืดมิด พร้อมทั้งกล่าวถ้อยคำในท่อนเพลง Walkaway มันเป็นเช่นนั้นเอง ออกมาว่า

“...ดูสิท่านผู้เจริญเห็นคนร้องไห้หรือเปล่า ทำไม? ดูสิท่านผู้เจริญ เห็นความเจ็บปวดของชีวิตหรือเปล่า น่าเศร้า! เจ้าอย่าวิงวอนพระเจ้าองค์ใดเลย ก็เพราะพวกเจ้านั้นแหละเป็นผู้กำหนดโลกเอง...”

เฮ้ย! นี่แนะ ตุด นาคอน คุณคิดใหญ่ ทำใหญ่ คิดไกล ทำไกลไปหรือเปล่า คุณไปถึงโน่นแล้ว ผมพยายามวิจารณ์งานคุณแล้ว หลีกเลี่ยงที่จะชมตามคำขอของคุณ ได้แค่นี้จริงๆ ด้วยงานเพลงของคุณออกจะลุ่มลึกแต่ผมอาจวิจารณ์ได้ไม่ลึกพอ ขอโทษด้วย...
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น