ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มอบตัวแล้ว 1 ราย ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ร้านขายของฝากกลางเมืองภูเก็ต ส่งผลให้หญิงสาวคนชุมชนบนพื้นที่สูงเสียชีวิต 1 คน อ้างไม่รู้ยิงทำไม ตนเป็นแค่คนขับรถเท่านั้น ระบุก่อนเหตุเพื่อนขับรถมารับที่บ้านพักชวนไปทำธุระ ด้าน ตร.เร่งติดตามอีกผู้ต้องหาอีกราย ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ร้านขายของฝาก MINI MART ของฝาก เลขที่ 10 ซอย 7 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่งภูเก็ตเก่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ น.ส.เหวิ่นหล่าง แซ่ลี อายุ 22 ปี เป็นคนชุมชนบนพื้นที่สูง (ไม่ใช่ชาวเขา) ถือบัตรสีชมพู อยู่บ้านเลขที่ 167/ช ม.5 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ ว่าที่ พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ณัฐ พรหมเทพ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ร้านดังกล่าวไว้ 3 ประเด็น ประกอบด้วย ขัดแย้งส่วนตัวเรื่องธุรกิจมืด ขัดแย้งเรื่องร้านขายของฝาก และเรื่องชู้สาว
ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ณัฐ พรหมเทพ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมชุดสืบสวน ได้ออกสืบสวน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานบุคคล และอื่นๆ มาโดยตลอด จนทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นใคร ในเบื้องต้นพบว่า มีผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 คน จึงได้ขอศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับ ซึ่งประกอบด้วย นายวุฒิพงษ์ หรือโต จันทดวง อายุ 41 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 454/2559 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 คดีอาญาที่ 3248/2559 และนายมงคล รักเหมือน ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 453/2559 วันที่ 22 ก.ค.59 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควร และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกสืบสวน และติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 23 ก.ค. นายวุฒิพงษ์ หรือโต จันทดวง อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองภูเก็ต ถ.ชุมพร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ซึ่งนำโดย พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ในชั้นต้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับให้ดู นายวุฒิพงษ์ ยอมรับว่าตัวเองเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้นำตัวมาสอบสวนและส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน พร้อมทั้งนำตรวจยึดเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีดำ (สวมใส่ในวันก่อเหตุ) จำนวน 1 ตัว กางเกงขาสั้น สีกรมท่า (สวมใส่ในวันก่อเหตุ) จำนวน 1 ตัวรองเท้าสีแดง (สวมใส่ในวันก่อเหตุ) จำนวน 1 คู่
จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายวุฒิพงษ์ อ้างว่า ไม่ทราบสาเหตุการยิงเข้าใส่ร้านดังกล่าว ซึ่งก่อนเกิดเหตุเพื่อนที่ยังหลบหนีได้ขับรถจักรยานยนต์มารับที่บ้านพัก โดยบอกว่าจะไปทำธุระ ซึ่งตอนออกจากบ้านตนเองเป็นคนนั่งซ้อนท้าย แต่เมื่อขับรถมาถึงสถานีขนส่งเก่าก็ได้เปลี่ยนให้ตนเองเป็นคนขับ และเพื่อนไปซ้อนท้าย หลังจากนั้น ให้ขับรถไปในซอยที่เกิดเหตุ เมื่อถึงที่เกิดเหตุก็ใช้ปืนยิงเข้าไปที่ร้านดังกล่า หลังจากนั้น นายมงคล ก็ได้ขับรถไปส่งที่บ้านพัก ส่วนนายมงคล ไม่ทราบว่าไปไหน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทราบว่า สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของการยิงเข้าใส่ร้านขายของฝากดังกล่าวขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งเป็นมือยิง และยังอยู่ระหว่างการหลบหนี หากจับกุมได้ก็จะทำให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุในครั้งนี้ ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ร้านขายของฝาก MINI MART ของฝาก เลขที่ 10 ซอย 7 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่งภูเก็ตเก่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ น.ส.เหวิ่นหล่าง แซ่ลี อายุ 22 ปี เป็นคนชุมชนบนพื้นที่สูง (ไม่ใช่ชาวเขา) ถือบัตรสีชมพู อยู่บ้านเลขที่ 167/ช ม.5 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ ว่าที่ พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ณัฐ พรหมเทพ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ร้านดังกล่าวไว้ 3 ประเด็น ประกอบด้วย ขัดแย้งส่วนตัวเรื่องธุรกิจมืด ขัดแย้งเรื่องร้านขายของฝาก และเรื่องชู้สาว
ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ณัฐ พรหมเทพ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมชุดสืบสวน ได้ออกสืบสวน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานบุคคล และอื่นๆ มาโดยตลอด จนทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นใคร ในเบื้องต้นพบว่า มีผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 คน จึงได้ขอศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับ ซึ่งประกอบด้วย นายวุฒิพงษ์ หรือโต จันทดวง อายุ 41 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 454/2559 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 คดีอาญาที่ 3248/2559 และนายมงคล รักเหมือน ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 453/2559 วันที่ 22 ก.ค.59 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควร และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกสืบสวน และติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 23 ก.ค. นายวุฒิพงษ์ หรือโต จันทดวง อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองภูเก็ต ถ.ชุมพร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ซึ่งนำโดย พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ในชั้นต้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับให้ดู นายวุฒิพงษ์ ยอมรับว่าตัวเองเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้นำตัวมาสอบสวนและส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน พร้อมทั้งนำตรวจยึดเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีดำ (สวมใส่ในวันก่อเหตุ) จำนวน 1 ตัว กางเกงขาสั้น สีกรมท่า (สวมใส่ในวันก่อเหตุ) จำนวน 1 ตัวรองเท้าสีแดง (สวมใส่ในวันก่อเหตุ) จำนวน 1 คู่
จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายวุฒิพงษ์ อ้างว่า ไม่ทราบสาเหตุการยิงเข้าใส่ร้านดังกล่าว ซึ่งก่อนเกิดเหตุเพื่อนที่ยังหลบหนีได้ขับรถจักรยานยนต์มารับที่บ้านพัก โดยบอกว่าจะไปทำธุระ ซึ่งตอนออกจากบ้านตนเองเป็นคนนั่งซ้อนท้าย แต่เมื่อขับรถมาถึงสถานีขนส่งเก่าก็ได้เปลี่ยนให้ตนเองเป็นคนขับ และเพื่อนไปซ้อนท้าย หลังจากนั้น ให้ขับรถไปในซอยที่เกิดเหตุ เมื่อถึงที่เกิดเหตุก็ใช้ปืนยิงเข้าไปที่ร้านดังกล่า หลังจากนั้น นายมงคล ก็ได้ขับรถไปส่งที่บ้านพัก ส่วนนายมงคล ไม่ทราบว่าไปไหน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทราบว่า สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของการยิงเข้าใส่ร้านขายของฝากดังกล่าวขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งเป็นมือยิง และยังอยู่ระหว่างการหลบหนี หากจับกุมได้ก็จะทำให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุในครั้งนี้ ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
