ตรัง - สุดชุ่ย แพทย์ รพ.ตรัง ตัดมดลูกผิดข้างหลังจากตรวจอัลตราซาวนด์พบมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก เหยื่อโวยตัดซ้ำรอบสองเท่ากับหมดสิทธิมีเด็กตลอดชีวิต เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง นายเอกพงษ์ แก้วดี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/59 ถ.วัดนิโครธ ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง โดยทำงานสังกัดโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ตนเองแต่งงานกับภรรยาประมาณเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ต่อจากนั้นประมาณเดือนมิถุนายนภรรยาตนตั้งครรภ์ มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จึงไปฝากครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง
ปรากฏว่า เมื่อแพทย์ตรวจเช็กอัลตราซาวนด์ร่างกายอย่างละเอียดพบว่า เป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งขณะนั้นอายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ เห็นการเต้นของหัวใจเด็กชัดเจน แต่ไม่ได้เป็นการท้องในมดลูกตามปกติ แพทย์จึงได้ทำหนังสือส่งตัวพร้อมแนบผลอัลตราซาวนด์เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง
แต่พอมาถึงโรงพยาบาลศูนย์ตรัง แพทย์เจ้าของไข้กลับมีความเห็นว่าท้องอยู่ในปีกมดลูกด้านซ้าย ซึ่งตน และครอบครัวก็แย้งว่า ทำไมไม่ตรงกับผลของแพทย์ประจำคลินิกที่ระบุว่าอยู่ด้านขวา แต่แพทย์ก็ยืนยันว่า อยู่ด้านซ้าย พร้อมกับต่อว่าตนเอง และแม่ของตนที่ทักท้วงโดยใช้กิริยา และวาจาดูหมิ่น พูดจาไม่สุภาพ และยืนยันจะต้องผ่าตัดด้านซ้ายเพื่อเอาเด็กออก
ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา ภรรยากลับมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้ และอาเจียนอีก จึงพาไปพบแพทย์ที่คลินิกเดิม โดยแพทย์ประจำคลินิกก็ตกใจว่าทำไมไปผ่าตัดปีกมดลูกด้านซ้าย ทั้งที่ส่งผลอัลตราซาวนด์ไปกับใบส่งตัวก็ระบุชัดว่าอยู่ด้านขวา จึงได้ทำการอัลตราซาวนด์ซ้ำ โดยเรียกตนเองเข้าไปดูภาพเพื่อยืนยัน ปรากฏว่า พบเด็กยังอยู่ในปีกมดลูกด้านขวา และเจริญเติบโตมากกว่าเดิม อายุครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 10 สัปดาห์เศษจริง
จากนั้นตนกับครอบครัวจึงพาภรรยากลับไปที่โรงพยาบาลศูนย์ตรังพบแพทย์ท่านเดิมอีกครั้ง พร้อมกับสอบถามเหตุผล และยืนยันว่า ทางครอบครัวได้ทักท้วงไปแล้วในครั้งแรก แต่แพทย์ไม่รับฟัง ไม่นำผลอัลตราซาวนด์ของคลินิกมาตรวจสอบ และที่สำคัญหลังรับตัวคนไข้แล้วแพทย์ไม่ทำการตรวจอัลราซาวนด์ซ้ำเพื่อความถูกต้องในการรักษา
โดยครอบครัวตนเองเสียใจที่สุด เพราะการผ่าตัดรอบที่ 2 เท่ากับว่าทำให้ครอบครัวตนหมดสิทธิมีลูกไปตลอดชีวิต โดยหลังจากนี้จะทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุข และจะร้องแพทยสภาเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อผู้บริหาร รพ.ตรัง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้