เรื่องไม่น่าสนุก! กับงาน “เทพามหาสนุก” ที่ กฟผ.หว่านงบมหาศาลจัดหนุนสร้าง “โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา”

วันนี้ (14 ก.ค.) เป็นอีกวันที่ “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)” ทุ่มงบประมาณมหาศาลจัดงาน “THEPHA Festival ครั้ง 1” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เทพามหาสนุก แหล่งรวมความสุขของทุกคน” อย่างยิ่งใหญ่ และถือเป็นวันสุดท้ายก่อนที่กิจกรรมต่างๆ จะร้างราไปจากความทรงจำของผู้คน ซึ่งก็มี “เรื่องราวเล่าขาน” มากมายเกี่ยวกับการจัดงานของยิ่งใหญ่ในชาวเทพาของ กฟผ.ในครั้งนี้ และที่สำคัญเรื่องราวของการจัดงานก็เป็นที่ “เล่าขานกันสนุกปาก” มาตั้งแต่ก่อนจัดงาน ในระหว่างวันงาน และน่าจะหลังวันงานต่อแต่นี้อีกนานเท่านานเลยทีเดียว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายดิเรก เหมนคร ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ หรือที่มีชื่อย่อว่า เปอร์ตามาส เปิดเผยว่า จากการที่ กฟผ.ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อจัดงาน THEPHA Festival ครั้ง 1 เทพามหาสนุก แหล่งรวมความสุขของทุกคน เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในเทศกาลรายออีดิ้ลฟิตรี หรือวันเฉลิมฉลองหลังเดือนรอมฎอน โดยเนรมิตบริเวณชายหาดริมทะเลด้านหน้าโรงแรมเทพาบีชรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา เป็นสถานที่จัดงานระหว่างวันที่ 13-14 ก.ค.นั้น

นายดิเรก กล่าวว่า ระหว่างจัดงานวันแรกเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (13 ก.ค.) ที่มีการเชิญ นายมกุฏ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติปี 2555 สาขาวรรณศิลป์ ในฐานะที่มีพื้นเพเป็นชาว อ.เทพา จ.สงขลา ให้มาถ่ายทอดประสบการณ์ และบอกเล่าเรื่องราวของเมืองเทพา เมืองที่มีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ ปรากฏว่า ในระหว่างการบรรยายของนายมกุฏ ในช่วงหนึ่งกลับมีคำพูดที่เป็นเชิงระบุว่า ไม่เห็นด้วยต่อกรณีที่ กฟผ. และรัฐบาลที่มีแผนจะสร้างท่าเรือขนถ่ายถ่านหินขนาดใหญ่ และสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินถึง 2 โรง ขนาดกำลังผลิตรวม 2,200 เมกะวัตต์ ขึ้นในพื้นที่ อ.เทพา ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง

“ระหว่างการบรรยายของท่านศิลปินแห่งชาติคนเทพาบ้านเรา ช่วงหนึ่งท่านพูดชนิดที่ชาวเทพาที่ถูกเชิญเข้าร่วมงานของ กฟผ.จะต้องจดจำกันไปชั่วชีวิตเลยก็คือ อ.มกุฏ ท่านพูดว่า ถ้าเป็นไปได้ท่านขอเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยแค่ 15 นาที แล้วท่านก็จะสั่งให้หยุดสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา รวมถึงสั่งหยุดสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วประเทศไทยด้วย หลังจากสั่งเรื่องนี้ท่านก็จะขอลาออก” ผู้ประสานงานเครือข่ายเปอร์ตามาส กล่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ภายกลังจากการบรรยายในฐานะวิทยากรของ กฟผ.ดังกล่าว นายมกุฏ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติชาวเทพา ยังได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า มกุฏ อรฤดี (Makut Omrudee) ไว้ด้วยข้อความว่า...

“ก่อนถึงสถานที่จัดงาน ได้พบชาวบ้านผู้ตั้งถิ่นฐานบริเวณปักหมุดหมายจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ผมได้คุยกับชาวบ้านที่คัดค้านอยู่นาน และเมื่อถึงเวลาพูดผมก็เตือนทุกคนว่า มองอนาคตให้ดี มองให้ไกล อย่าให้คนข้างหลังตำหนิเราได้ว่า คิดผิด ตัดสินใจผิด เพราะเห็นประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ผมพยายามพูดกับทุกคน ยังมีอีกมาก ผมมอบพระคัมภีร์อัลกุรอานแก่นายอำเภอ นายอำเภอผู้เป็นมุสลิม และบอกว่า ด้วยพระคัมภีร์นี้จะทำให้ตัดสินใจถูกต้อง นั่นคือ ต้องไม่ทำให้ประชาชนเป็นศัตรูกัน”

“ผมไปพูดตามคำเชิญของอำเภอเทพา ประมาณชั่วโมงครึ่ง ไม่ถึงสองชั่วโมง เมื่อพูดจบนายอำเภอมอบของที่ระลึก ผมรับไว้ ด้วยเห็นว่าเป็นหนังสือสองเล่ม แต่เมื่อกลับถึงที่พักเปิดหนังสือดูก็พบซองธนบัตร 18,000 บาท ผมได้ฝากคืนให้นายอำเภอเทพาแล้ว ต้องขอโทษที่ไม่อาจรับเงินนี้ไว้ได้”

สำหรับประวัติของ นายมกุฏ อรฤดี เกิดวันที่ 6 เม.ย.2493 ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใน อ.เทพา เรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนเทพาในบ้านเกิด แล้วไปเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนแสงทองใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียง จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูสงขลา จนจบประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปกศ.สูง) วิชาเอกภาษาอังกฤษ

นายมกุฎ เป็นนักเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย และวรรณกรรมเยาวชน สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ในนามปากกา “มกุฏ อรฤดี” “นิพพานฯ” และ “วาวแพร” งานเขียนทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมเยาวชน และล้วนเป็นผลงานวรรณศิลป์ที่มีเนื้อหาสาระทางสังคม มุ่งปลูกฝังความคิดจิตใจที่ดีงาม มีความเมตตา และใส่ใจสรรพชีวิตร่วมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ด้อยโอกาส เช่น คนพิการ เด็กกำพร้า คนโรคเรื้อน คนบ้า เป็นต้น

นายมกุฏ เป็นนักเขียนคนแรกๆ ที่เขียนถึงผู้คนชาวมุสลิมในชนบทท้องถิ่นภาคใต้ โดยใช้มุมมองและสายตาจากคนในพื้นที่ ผลงานเรื่องสำคัญ เช่น ผีเสื้อและดอกไม้ ปีกความฝัน เพลงนกเหยี่ยว พราวแสงรุ้ง เด็กชายจากดาวอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับรางวัลหนังสือแห่งชาติ เรื่องผีเสื้อและดอกไม้ ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากมายหลายภาษา

ด้านนักวิชาการด้านสังคมผู้คร่ำหวอดปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้ความเห็นผ่าน “MGR Online ภาคใต้” ว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กฟผ.ยอมควักงบประมาณมหาศาลเพื่อจัดงานเทพามหาสนุก ครั้งที่ 1 ขึ้นมาเพื่อเอาใจชาวเทพา โดยเฉพาะอยากให้เป็นงานประจำปีในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่หลังสิ้นสุดเดือนถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์พี่น้องมุสลิม ทั้งนี้ ก็เพื่อใช้เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือขนถ่ายถ่านหินขนาดใหญ่ในพื้นที่ได้สะดวกขึ้น

แม้มีการเชิญผู้ว่าการ กฟผ.และผู้บริหาร กฟผ. พร้อมถึงศิลปินแห่งชาติ คนมีชื่อเสียง รวมถึงสื่อมวลชนจากส่วนกลางให้นั่งเครื่องบนมาร่วมงาน ขณะที่ในพื้นที่ก็เชิญข้าราชการ นักการเมือง นักการศาสนา และผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมกันอย่างเอิกเกริก แถมระดมกองกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายพลเรือน ทั้งรถหุ้มเกราะ เฮลิคอปเตอร์ และอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายไว้คุ้มกัน แต่เมื่อมองในภาพรวมของการจัดงานโดยแล้ว ไม่น่าจะถือว่าประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ไม่ต่างกับเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

“น่าจะเป็นเรื่องผิดพลาดของ กฟผ.เสียด้วยซ้ำ เพราะในงานกลับปล่อยให้มีกิจกรรมบันเทิงที่ขัดแย้งหลักความเชื่อทางศาสนาของคนมุสลิม อย่างเปิดคอนเสิร์ตของนักร้องชื่อดังชาวใต้คือ บ่าววี ซึ่งก็เป็นไปท่ามกลางข่าวคราวที่ไม่ค่อยดีงานของศิลปินที่มีภาพพัวพันต่อยาเสพติด ก่อนหน้าช่วงวันแถลงข่าว 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็มีเรื่องราวไม่มีเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง”

นักวิชาการด้านสังคมศึกษาที่สนใจเรื่องชายแดนภาคใต้วิเคราะห์ไว้ในตอนท้ายด้วยว่า

“ไม่เพียงเท่านั้นก่อนวันงานช่วงฮารีรายออีดิ้ลฟิตรีปีนี้ ก็กลับมีคลิปวิดีโอคำแถลงของผู้นำกลุ่มมาราปัตตานี ซึ่งถือกันว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มเห็นต่างกับรัฐไทย ได้ออกมากล่าวเตือนเรื่องการผลักดันก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาของ กฟผ.และนโยบายรัฐบาลจนเป็นที่น่าวิตกกังวลไว้ด้วย”