ยะลา - หลายหน่วยงานในยะลา จัดกิจกรรมถวายเทียนพรรษาให้แก่วัดในพื้นที่ ขณะที่ประธานชุมชนคูหามุข จ.ยะลา เผยปีนี้คนในชุมชนถวายเทียนพรรษาเป็นครั้งสุดท้าย หลัง สตง.ระบุเป็นกิจกรรมซ้ำซ้อนทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่วัดคูหาภิมุข หรือวัดหน้าถ้ำ ต.หน้าถ้ำ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ผศ.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา นำเหล่าคณะครูอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ ร่วมกันถวายเทียนพรรษาให้แก่พระภิกษุสงฆ์ วัดคูหาภิมุข เช่นเดียวกับ พล.ต.สุภโชค ธวัชพีระชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ได้ถวายเทียนพรรษา พร้อมชุดไทยธรรมและชุดสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ เนื่องในเทศกาลวันเข้าพรรษา พร้อมด้วยคณะนายทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา ส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ ต.หน้าถ้ำ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนา
ขณะที่บริเวณที่ทำการชุมชนคูหามุข เขตเทศบาลนครยะลา บรรดาชาวไทยพุทธในชุมชนได้ร่วมกันทำบุญเลี้ยงพระ และถวายเทียนพรรษาให้แก่พระสงฆ์ เนื่องในวันเข้าพรรษา พร้อมทั้งได้จัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่เข้ามาร่วมงานบุญในพิธีดังกล่าว
นายรักชาติ สุวรรณ ประธานชุมชนคูหามุข กล่าวว่า การจัดทำกิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมประเพณีต่างๆ นั้น ทางชุมชนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนในชุมชนเกิดความรักสามัคคี และเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในชุมชน โดยกิจกรรมการถวายเทียนพรรษาให้แก่พระสงฆ์เนื่องในวันเข้าพรรษา ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทางศาสนาพุทธที่ได้ดำเนินถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายในการทำกิจกรรมดังกล่าว สืบเนื่องจาก สตง.ได้ระบุว่า การจัดกิจกรรมของชุมชนมีความซ้ำซ้อนกับกิจกรรมที่เทศบาลนครยะลาได้จัดขึ้น ทำให้เปลืองงบประมาณ โดยชุมชนในเขตเทศบาลนครยะลา มีทั้งสิ้น 40 ชุมชน จะมีงบที่สามารถทำโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ไปของบประมาณได้ที่เทศบาลนครยะลา ในวงเงินงบประมาณ 50,000 บาทต่อชุมชนต่อปี
ซึ่งหลังจากที่ สตง.ออกมาระบุถึงเหตุผลว่า กิจกรรมที่ชุมชนจัดขึ้นนั้นซ้ำซ้อนกับกิจกรรมที่ทางเทศบาลจัดขึ้น ตนเอง และคณะกรรมการในชุมชนจึงอยากให้ สตง.ลงพื้นที่มาตรวจสอบการดำเนินการหรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน แม้ทางเทศบาลจะจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันก็จริงอยู่ แต่คนในชุมชนก็ไม่ได้เดินทางไปร่วมทั้งหมด การจัดกิจกรรมในชุมชนไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำขอพรผู้สูงอายุในวันสงกรานต์ การจัดกิจกรรมทางศาสนา หรือประเพณีวัฒนธรรม ตนเองมองว่า เป็นการสานความสัมพันธ์ที่ดีของคนในชุมชน แต่หลังจากนี้ คงจะมีการหารือกับคณะกรรมการชุมชน หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนถึงการเสาะหางบประมาณกันเองเพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง
นายรักชาติ สุวรรณ ประธานชุมชนคูหามุข ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความจริงแล้วทาง สตง.ต้องการให้เราเปลี่ยนชื่อกิจกรรมที่จะจัดขึ้น เช่น การหล่อเทียนพรรษา เป็นกิจกรรมการเรียนรู้การหล่อเทียนพรรษา ซึ่งเหมือนเป็นการเขียนโครงการโกหกเพื่อของบประมาณมาดำเนินการ ทั้งที่ความจริงแล้วก็เป็นการทำกิจกรรมหล่อเทียนพรรษาแบบที่เคยทำสืบทอดกันมา จึงอยากจะให้มีการพิจารณาถึงขอบเขต และการกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ หรือ สตง.เองก็ต้องมีการทำความเข้าใจในเรื่องของชุมชนให้มากขึ้น