ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตร.สะเดา จับกุมพ่อเมาคลั่งใช้ขวดซีอิ๊วตีหัวลูกชายวัย 10 ขวบ ก่อนจับขาลูกเหวี่ยงฟาดกับกำแพงปางตาย เผยสาเหตุมาจากความหึงหวงภรรยาที่กลัวว่าจะปันใจให้ชายอื่น
วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.สะเดา จ.สงขลา จับกุม นายสายัณห์ แก้วประสิทธิ์ อายุ 35 ปี และควบคุมตัวมาสอบสวน หลังจากที่เมา และคลุ้มคลั่งใช้ขวดซีอิ๊วตีลูกชายวัย 10 ขวบ เข้าที่ศีรษะ และยังจับเท้าเหวี่ยงฟาดกับฝาพนังบ้านจนสลบ โดยมีสาเหตุมาจากความหึงหวงภรรยา และระแวงว่าจะปันใจให้ชายอื่น เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ที่บ้านเช่าเลขที่ 11/15 บ้านน้ำลัด ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเปิดเป็นร้านขายอาหาร
นางสุภาภรณ์ แก้วประสิทธิ์ อายุ 34 ปี ภรรยา ทนไม่ไหวได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดี เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่อาการของลูกชายวัย 10 ขวบ ยังน่าเป็นห่วง ถูกส่งไปตรวจอาการทางสมองอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เนื่องจากได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ศีรษะแตก ใบหน้าบวม
จากการสอบสวน นางสุภาภรณ์ ให้การว่า ในคืนเกิดเหตุสามีกลับมาจากดื่มเหล้าในสภาพที่เมามายอย่างหนัก และทะเลาะกับตนจากความหึงหวงเพราะคิดไปเองว่าแอบปันใจให้แก่ชายอื่น และได้ทำลายข้าวของเสียหาย ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงได้หอบลูกคนกลาง และคนสุดท้องซึ่งอายุเพียง 4 เดือน ออกจากบ้านไปพักที่บ้านแม่ และในบ้านเหลือลูกสาวคนโตวัย 15 ปี และลูกชายคนกลางอายุ 10 ปี อยู่กับสามี ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุรุนแรงอะไร หรือจะลงมือทำร้ายลูกเพราะทะเลาะกันบ่อยจากเรื่องของความหึงหวง
แต่ปรากฏว่าครั้งนี้ไม่เป็นอย่างที่คิด เนื่องจากพอตกดึกลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกว่า สามีเมา และโมโหจนคลุ้มคลั่งที่ตนออกจากบ้าน และได้ลงมือทำร้ายลูกชายด้วยการตีด้วยขวดซีอิ๊วเข้าที่ศีรษะ และยังจับขาทั้ง 2 ข้างเหวี่ยงเอาหัวฟาดกับฝาผนังบ้านจนลูกชายสลบ ตนจึงรีบกลับมาดูก็พบว่า สามีกำลังอุ้มลูกชายที่สลบไม่ได้สติอยู่ จึงได้รีบนำร่างส่งโรงพยาบาล และแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ
นางสุภาภรณ์ ยังบอกว่า อยู่กินกับสามีมากว่า 15 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน โดยมาเช่าบ้านเปิดเป็นร้านขายอาหาร ส่วนสามีทำงานอยู่ที่โรงงานแปรรูปยางพาราแห่งหนึ่งใน อ.สะเดา แต่ระยะหลังมีทะเลาะกันบ่อยเพราะสามีหึงหวง กลัวว่าตนเองจะปันใจให้แก่ชายอื่น และมักจะดื่มเหล้ากลับบ้านเป็นประจำ ส่วน นายสายัณห์ หลังจากสร่างเมา และได้สติก็ยอมรับผิดแต่โดยดี และสำนึกผิดที่ทำลงไป