ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.กมลา จ.ภูเก็ต ตามรวบโจ๋คนงานก่อสร้างในพื้นที่ป่าตอง ก่อเหตุลักทรัพย์ พยามข่มขืนสาวเจ้าของห้องแต่ไม่สำเร็จ หลังเกิดเหตุยังทำตัวปกติอาศัยอยู่ที่บ้านพักไม่หนีไปไหน เหตุมั่นใจ ตร.ตามจับไม่ได้ แต่สุดท้ายจนมุมเพราะนำโทรศัพท์ที่ขโมยมาเอาไปใช้
เมื่อเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กมลา ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ รรท.ผกก.สภ.กมลา นำโดย พ.ต.ท.โสภณ บริรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.กมลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.อศลย์ จิรักษา สว.สส.สภ.กมลา ร.ต.อ.พลวัติ เกตุศรัทธา รอง สว.สส. ร.ต.อ.เทียนชัย กอบเกื้อ รอง สว.สส. ร.ต.ท.พีรวัส คงทุ่ง รอง สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุม นายวิวัฒน์ หรือโล้ วิรุณดก อายุ 20 ปี ชาว จ.นครพนม ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ห้องมุม ในซอยน้ำตกบางหวาน ม.1 ต.กมลา อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ samsaung รุ่น J7 จำนวน 1 เครื่อง กุญแจบ้าน กุญแจรถ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ SKON จำนวน 1 เรือน จี้พระเครื่องสมเด็จหุ้มกรอบขอบสีทอง จำนวน 1 องค์ กระเป๋าผ้าแบบสะพายข้างสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มี น.ส.กาญ (นามสมมติ) ชาวจังหวัดภูเก็ต เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า ขณะที่ตนนอนหลับอยู่ในห้องนอนภายในบ้านเช่าของตนเอนบริเวณพื้นที่กมลา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ และพยายามปลุกปล้ำหวังจะกระทำชำเราตนเองแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากผู้แจ้งรู้สึกตัวก่อนจึงดิ้นรนขัดขืนทำให้คนร้ายวิ่งหลบหนีไป หลังจากนั้น ได้ตรวจสอบภายในบ้านพบว่า มีทรัพย์สินหายไปหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ samsaung รุ่น J7 จำนวน 1 เครื่อง กุญแจบ้าน และทรัพย์สินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดสืบสวน สภ.กมลา ภายไต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ รรท.ผกก.สภ.กมลา จึงเดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และออกสืบสวนหาข่าวจนทราบตัวบุคคลต้องสงสัยว่าน่าจะเป็น นายวิวัฒน์ วิรุณดก เนื่องจากมีการนำโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปใช้งาน ทางเจ้าหน้าที่จึงออกติดตามตรวจสอบ จนกระทั่งวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า บุคคลที่ใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าบริเวณใกล้เคียงกับบ้านเช่าที่เกิดเหตุของผู้เสียหาย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเช่าของบุคคลดังกล่าว
เมื่อไปถึงหน้าพบชายวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งหน้าตารูปร่างลักษณะคล้ายกับที่ปรากฏในข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายกำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ จึงเข้าไปสอบถาม และทราบว่า ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวคือ นายวิวัฒน์ หรือโล้ วิรุณดก ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นตัว จากการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ samsaung รุ่น J7 ซึ่งเป็นของผู้เสียหายอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวาซึ่งสวมใส่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนในเบื้องต้น ซึ่งนายวิวัฒน์ ได้ยอมรับว่า โทรศัพท์ดังกล่าวได้มาจากการเข้าไปลักทรัพย์จากบ้านพักของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งนอกจากโทรศัพท์มือถือ ก็ยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายการโดยเก็บไว้ในห้องพักของตนเอง พร้อมนำไปตรวจยึดทรัพย์สินภายในห้องพักดังกล่าวซึ่งมีหลายรายการ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.กมลา จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า วันเกิดเหตุ (2 ก.ค.) เวลาประมาณ 03.00 น. ขณะที่ตนเองนั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อนในซอยเดียวกันกับบ้านเช่าของผู้เสียหาย เห็นผู้เสียหายกับแฟนขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปนอกบ้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่บ้านหลังดังกล่าว นายวิวัฒน์ จึงเดินไปที่บริเวณหลังบ้านของผู้เสียหายพบช่องที่มีการเจาะผนังบ้าน และแผ่นพลาสติกปิด จึงเอาแผ่นพลาสติกออกเแล้วมองเข้าไป เห็นกระเป๋าถือแบบผู้หญิงวางอยู่จึงใช้มือล้วงเข้าไปรื้อค้นภายในกระเป๋าดังกล่าวได้ กุญแจบ้านของกลางรายการที่ 2 บัตรอิออนของผู้เสียหาย และเงินสดจำนวนหนึ่งพันบาทเศษ จากนั้นได้นำกุญแจไปไขลูกบิดประตูหน้าบ้านเข้าไปในบ้าน และหยิบเอาโทรศัพท์มือถือ และของกลางอื่นๆ ซึ่งวางไว้บนทีวีภายในบ้านหลังดังกล่าว
หลังออกจากบ้านที่เกิดเหตุก็มานั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อนจุดเดิม จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. เห็นมีคนขับรถจักรยานยนต์มาส่งผู้เสียหายที่บ้านแล้วออกไป ส่วนผู้เสียหายอยู่บ้านเพียงลำพัง และได้ยินเสียงผู้เสียหายอาบน้ำ หลังจากนั้น ได้ปิดไฟภายในบ้าน จึงเดินไปที่บ้านผู้เสียหายอีกครั้ง และลองเปิดประตูหน้าบ้านพบว่า ประตูไม่ได้มีการล็อกจึงเข้าไปภายในบ้าน และห้องนอนของผู้เสียหายพบว่า ผู้เสียหายนอนหลับอยู่จึงเข้าไปพยายามปลุกปล้ำหวังข่มขืน แต่ผู้เสียหายรู้ตัวก่อนจึงดิ้นรนขัดขืน และกลัวว่าผู้เสียหายจะเห็นหน้าจึงวิ่งหลบหนีออกมา และกลับไปบ้านพักของตัวเอง โดยที่ผ่านมา ทำตัวตามปกติ แต่นำโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไปใช้ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว เมื่อนำของกลางไปตรวจสอบโดยเทียบหมายเลขเครื่องกับกล่องใส่โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายถูกต้องตรงกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน และรับของโจร” ในเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” แต่ให้การปฏิเสธในฐานความผิด “รับของโจร” จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาเข้าไปปลุกปล้ำเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
เมื่อเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กมลา ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ รรท.ผกก.สภ.กมลา นำโดย พ.ต.ท.โสภณ บริรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.กมลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.อศลย์ จิรักษา สว.สส.สภ.กมลา ร.ต.อ.พลวัติ เกตุศรัทธา รอง สว.สส. ร.ต.อ.เทียนชัย กอบเกื้อ รอง สว.สส. ร.ต.ท.พีรวัส คงทุ่ง รอง สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุม นายวิวัฒน์ หรือโล้ วิรุณดก อายุ 20 ปี ชาว จ.นครพนม ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ห้องมุม ในซอยน้ำตกบางหวาน ม.1 ต.กมลา อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ samsaung รุ่น J7 จำนวน 1 เครื่อง กุญแจบ้าน กุญแจรถ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ SKON จำนวน 1 เรือน จี้พระเครื่องสมเด็จหุ้มกรอบขอบสีทอง จำนวน 1 องค์ กระเป๋าผ้าแบบสะพายข้างสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มี น.ส.กาญ (นามสมมติ) ชาวจังหวัดภูเก็ต เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า ขณะที่ตนนอนหลับอยู่ในห้องนอนภายในบ้านเช่าของตนเอนบริเวณพื้นที่กมลา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ และพยายามปลุกปล้ำหวังจะกระทำชำเราตนเองแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากผู้แจ้งรู้สึกตัวก่อนจึงดิ้นรนขัดขืนทำให้คนร้ายวิ่งหลบหนีไป หลังจากนั้น ได้ตรวจสอบภายในบ้านพบว่า มีทรัพย์สินหายไปหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ samsaung รุ่น J7 จำนวน 1 เครื่อง กุญแจบ้าน และทรัพย์สินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดสืบสวน สภ.กมลา ภายไต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ รรท.ผกก.สภ.กมลา จึงเดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และออกสืบสวนหาข่าวจนทราบตัวบุคคลต้องสงสัยว่าน่าจะเป็น นายวิวัฒน์ วิรุณดก เนื่องจากมีการนำโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปใช้งาน ทางเจ้าหน้าที่จึงออกติดตามตรวจสอบ จนกระทั่งวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า บุคคลที่ใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าบริเวณใกล้เคียงกับบ้านเช่าที่เกิดเหตุของผู้เสียหาย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเช่าของบุคคลดังกล่าว
เมื่อไปถึงหน้าพบชายวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งหน้าตารูปร่างลักษณะคล้ายกับที่ปรากฏในข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายกำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ จึงเข้าไปสอบถาม และทราบว่า ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวคือ นายวิวัฒน์ หรือโล้ วิรุณดก ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นตัว จากการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ samsaung รุ่น J7 ซึ่งเป็นของผู้เสียหายอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวาซึ่งสวมใส่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนในเบื้องต้น ซึ่งนายวิวัฒน์ ได้ยอมรับว่า โทรศัพท์ดังกล่าวได้มาจากการเข้าไปลักทรัพย์จากบ้านพักของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งนอกจากโทรศัพท์มือถือ ก็ยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายการโดยเก็บไว้ในห้องพักของตนเอง พร้อมนำไปตรวจยึดทรัพย์สินภายในห้องพักดังกล่าวซึ่งมีหลายรายการ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.กมลา จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า วันเกิดเหตุ (2 ก.ค.) เวลาประมาณ 03.00 น. ขณะที่ตนเองนั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อนในซอยเดียวกันกับบ้านเช่าของผู้เสียหาย เห็นผู้เสียหายกับแฟนขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปนอกบ้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่บ้านหลังดังกล่าว นายวิวัฒน์ จึงเดินไปที่บริเวณหลังบ้านของผู้เสียหายพบช่องที่มีการเจาะผนังบ้าน และแผ่นพลาสติกปิด จึงเอาแผ่นพลาสติกออกเแล้วมองเข้าไป เห็นกระเป๋าถือแบบผู้หญิงวางอยู่จึงใช้มือล้วงเข้าไปรื้อค้นภายในกระเป๋าดังกล่าวได้ กุญแจบ้านของกลางรายการที่ 2 บัตรอิออนของผู้เสียหาย และเงินสดจำนวนหนึ่งพันบาทเศษ จากนั้นได้นำกุญแจไปไขลูกบิดประตูหน้าบ้านเข้าไปในบ้าน และหยิบเอาโทรศัพท์มือถือ และของกลางอื่นๆ ซึ่งวางไว้บนทีวีภายในบ้านหลังดังกล่าว
หลังออกจากบ้านที่เกิดเหตุก็มานั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อนจุดเดิม จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. เห็นมีคนขับรถจักรยานยนต์มาส่งผู้เสียหายที่บ้านแล้วออกไป ส่วนผู้เสียหายอยู่บ้านเพียงลำพัง และได้ยินเสียงผู้เสียหายอาบน้ำ หลังจากนั้น ได้ปิดไฟภายในบ้าน จึงเดินไปที่บ้านผู้เสียหายอีกครั้ง และลองเปิดประตูหน้าบ้านพบว่า ประตูไม่ได้มีการล็อกจึงเข้าไปภายในบ้าน และห้องนอนของผู้เสียหายพบว่า ผู้เสียหายนอนหลับอยู่จึงเข้าไปพยายามปลุกปล้ำหวังข่มขืน แต่ผู้เสียหายรู้ตัวก่อนจึงดิ้นรนขัดขืน และกลัวว่าผู้เสียหายจะเห็นหน้าจึงวิ่งหลบหนีออกมา และกลับไปบ้านพักของตัวเอง โดยที่ผ่านมา ทำตัวตามปกติ แต่นำโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไปใช้ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว เมื่อนำของกลางไปตรวจสอบโดยเทียบหมายเลขเครื่องกับกล่องใส่โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายถูกต้องตรงกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน และรับของโจร” ในเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” แต่ให้การปฏิเสธในฐานความผิด “รับของโจร” จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาเข้าไปปลุกปล้ำเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป