ศูนย์ข่าวภูเก็ต - 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ในเขตสุขภาพที่ 11 ร่วมฝึกซ้อมแผนตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข จำลอง 3 เหตุการณ์ใหม่ ทั้งการวางระเบิด และการระเบิดของสารเคมี รองรับสถานการณ์การก่อการร้ายสากล
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลวิชระภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นพ.เจษฎา ฉายคุณรัตน์ สาธารณสุขนิเทศเขตสุขภาพที่ 11 ในฐานะผู้บัญชาการระดับเขต พร้อมด้วย นพ.บัญชา ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ร่วมแถลงข่าวผลการฝึกซ้อมแผนการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประจำปี 2559 ซึ่งได้มีการจำลองเหตุการณ์ในการฝึกซ้อมครั้งนี้ จำนวน 3 เหตุการณ์ ประกอบด้วย เหตุระเบิดเทศบาลนครภูเก็ต เวลา 20.00 น.วานนี้ (3 ก.ค.) เหตุระเบิดศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เวลา 01.30 น. และเหตุ ระเบิดโกดังสินค้าบริเวณท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เวลา 10.00 น.วันนี้ (4 ก.ค.) โดยมีทีมปฏิบัติการเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข 7 จังหวัด ในเขตสุขภาพที่ 11 ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ภูเก็ต พังงา ระนอง และกระบี่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพ-กู้ภัยต่างๆ ร่วมทำการฝึกซ้อม
นพ.เจษฎา ฉายคุณรัตน์ เปิดเผยถึงการจัดให้มีการฝึกซ้อมแผนในครั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้ความสำคัญเรื่องของอุบัติเหตุ อุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งเราไม่อยากจะให้มีผู้เสียชีวิต หรือว่าผู้สูญเสียจำนวนมาก และเพื่อลดความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทางเขตสุขภาพที่ 11 โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดให้มีการฝึกซ้อมแผนขึ้นดังกล่าว ซึ่งได้มีการจำลองเหตุการณ์ทั้งสิ้น 3 เหตุการณ์ ประกอบด้วย เหตุระเบิดที่บริเวณหน้าเทศบาลนครภูเก็ต เหตุระเบิดที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต และเหตุระเบิดโกดังสินค้า ซึ่งเป็นการระเบิดของสารเคมี ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่บริเวณท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ทั้ง 3 เหตุการณ์มีจำนวนผู้ป่วยขนาดประมาณ 100-200 ราย และมีผู้เสียชีวิตร่วมด้วย ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการ และการปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในการรับเหตุสาธารณภัย สำหรับผู้บริหารสาธารณสุข ชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน และโรงพยาบาล เพื่อรองรับกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจริง
ขณะที่ นพ.บัญชา ค้าของ กล่าวว่า สำหรับครั้งนี้เป็นการฝึกซ้อมแผนด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งเป็นความเชื่อมโยงต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มาดำเนินการฝึกซ้อมอยู่ในขณะนี้ ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเป็นการรองรับสถานการณ์การก่อการร้ายสากล แต่ขอบเขตการฝึกซ้อมแผนของกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นการเตรียมความพร้อมเรื่องของแพทย์พยาบาลที่จะรองรับการดูแลการแพทย์ฉุกเฉินในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีความพร้อมอยู่ระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการฝึกซ้อมทั้ง 3 เหตุการณ์เราสามารถบรรเทาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ทันเวลาตามสถานการณ์ที่กำหนด
“การฝึกซ้อมครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งเรื่องระเบิด และสารเคมี ซึ่งเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นองค์ประกอบใหม่ที่ชี้ให้เห็นว่า นอกจากการช่วยเหลือเรื่องเครื่องบินตก เรื่องภัยพิบัติสึนามิ เรื่องอุบัติเหตุจราจรขนาดใหญ่ที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ก็จะขยายไปถึงเรื่องการก่อการร้าย คือ เกิดการวางระเบิด ประเด็นสำคัญคือ เรื่องของสารเคมี ถือเป็นการฝึกซ้อมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะออกมารองรับ ได้มีการทบทวนว่าเรามีความพร้อมหรือไม่ มีอุปกรณ์ใดที่ยังขาดหรือไม่อย่างไร ก็จะได้นำมาพัฒนาต่อไป”
ด้าน นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ กล่าวว่า สำหรับครั้งนี้เป็นการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างใหญ่ เป็นสถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องก่อการร้าย และเรื่องสารเคมีที่เราไม่เคยเจอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ต้องทำก็คือ ต้องวิเคราะห์ประเมินผลการซ้อมครั้งนี้ว่ามีข้อบกพร่องอันใดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อรองรับกรณีเกิดเหตุการณ์จริงจะได้ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้รวดเร็วขึ้น เท่าที่สังเกตก็จะมีข้อบกพร่อง โดยเฉพาะการฝึกซ้อมกรณีการเกิดระเบิดของสารเคมี ซึ่งจะมีการฟุ้งกระจาย ยังขาดเรื่องอุปกรณ์การป้องกันที่จะเข้าเผชิญเหตุ ต้องเตรียมอุปกรณ์การป้องกันให้ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การฝึกซ้อมครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ต้องนำไปปรับปรุงเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในฝั่งอันดามันทั้งหมด