ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อุบัติเหตุเรือสปีดโบตชนกลางทะเลระหว่างเกาะภูเก็ต-เกาะพีพี นักท่องเที่ยวจีน ดับ 2 ราย คาดเกิดจากแรงกระแทกขณะเรือชน จังหวัดตั้งศูนย์ประสานความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแล้ว ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นผู้ว่าฯคาดเกิดจากความประมาทของคนขับเรือ
จากกรณีเมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้รับแจ้งมีอุปบัติเหตุเรือสปีดโบตชนกันกลางทะเลอันดามัน บริเวณกองหินมูสัง ระหว่างเกาะดอกไม้ และเกาะพีพี อยู่ห่างจากจังหวัดภูเก็ต ประมาณ 30 ไมล์ทะเล ทราบชื่อคือ เรือหงส์ฟ้า 20 บรรทุกนักท่องเที่ยว จำนวน 26 คน และเรือชลกิต856 บรรทุกนักท่องเที่ยว จำนวน 36 คน หลังรับแจ้งทางตำรวจน้ำภูเก็ต ได้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำกระบี่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อบจ.ภูเก็ต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต โรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ เรือของภาคเอกชน จังหวัดภูเก็ต เพี่อเตรียมความพร้อม และออกไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ คือ เรือชลกิต 856
หลังเกิดเหตุในเบื้องต้น เรือดำน้ำ ส.สมบูรณ์ 3 ซึ่งพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำในบริเวณใกล้จุดที่เกิดเหตุได้เข้าไปช่วยเหลือ และนำนักท่องเที่ยวขึ้นเรือ ในเบื้องต้นมีทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ในเวลาต่อมา เวลาประมาณ 13.05 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และทางเจ้าของเรือได้นำนักท่องเที่ยวทั้งหมดกลับเข้าฝั่ง โดยกระจายไปขึ้นยังท่าเรือต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อนที่จะนำตัวไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยสารเรือหงส์ฟ้า 20 นำขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเอเชียมารีน่า ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 26 คน พร้อมนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลมิชชั่น ภูเก็ต ส่วนผู้โดยสารจากเรือชลกิต 856 มีจำนวน 36 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย เสียชีวิต 2 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 ราย ประกอบด้วย ผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนผู้หญิง 1 ราย ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกรายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีน อายุ 62 ปี ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวที่โรงพยาบาลในขณะนี้มีจำนวน 18 ราย ประกอบด้วย โรงพยาบาลวชิระ 6 ราย โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 3 ราย และโรงพยาบาลมิชชั่น จำนวน 9 ราย ไม่มีผู้สูญหาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุทันที ที่ศาลากลางหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้ทางเจ้าท่าฯ ภูเก็ต ให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกท่าเทียบเรือ และให้มีการสแกนหน้าหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวทุกครั้งที่ลงเรือเพื่อนำข้อมูลมาใช้กรณีที่มีปัญหา
จากการสอบถาม น.ส.บุศรินทร์ สอนอินทร์ อายุ 25 ปี เจ้าของเรือชลกิต กล่าวว่า เรือลำดังกล่าวได้ออกจากท่าเทียบเรืออินทรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เวลาประมาณ 09.00 น. ของวันนี้ โดยมีนักท่องเที่ยวและลูกเรือ ไกด์ รวมทั้งหมด 40 คน เพื่อที่จะนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ระหว่างที่เรือใกล้ถึงจุดหมายได้มีเรือสปีดโบตของบริษัทแห่งหนึ่งได้พุ่งชนเข้าด้านข้างอย่างรุนแรง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และตกลงภายในเรือ
โดยที่ไม่นักท่องเที่ยวรายใดตกลงน้ำ หลังจากที่เกิดเหตุเรือคู่กรณีไม่ให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยมีเรือใกล้เคียงที่เห็นเหตุให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่อยู่ภายในเรือในที่สุด และเมื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขึ้นบนเรือลำใกล้เคียงเสร็จ จากนั้นได้เรือลำดังกล่าวไว้ที่ อ.เกาะยาว จ.พังงา แต่พอมาถึงที่ท่าเรือเกาะยาวเรือได้จมลง
ด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการตำรวจน้ำภูเก็ต เปิดเผยว่า วันนี้ (8 มิ.ย.) เวลาประมาณ 11.30 น. ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุเรือชนกันระหว่างเรือหงส์ฟ้า 33 กับเรือชลกิต 856 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารรวมทั้ง 2 ลำ จำนวน 62 คน จุดเกิดเหตุบริเวณหินมูสัง จ.กระบี่ หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยต่างๆ ได้ออกไปให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน สามารถช่วยเหลือผู้โดยสารได้ทั้งหมด ไม่มีผู้สูญหาย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย และหญิง สัญชาติจีน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย
ส่วนสาเหตุเรือชนกัน เนื่องจากช่วงสายของวันนี้ทะเลมีคลื่นลมค่อนข้างแรง และมีฝนตกหนัก ทำให้อากาศปิด สำหรับสาเหตุที่แท้จริงจะได้มีการสอบสวนกันต่อไป ขณะที่มาตรการในการป้องกัน ตำรวจน้ำภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเต็มที่ และวันนี้ขณะลงไปช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ พบว่า นักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุสวมเสื้อชูชีพทั้งหมด ถ้าไม่สวมเสื้อชูชีพน่าจะเสียหายมากกว่านี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตน่าจะเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งต้องให้หมอชันสูตรก่อนถึงจะสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงได้
ขณะที่ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สรุปข้อมูลเหตุการณ์เรือสปีดโบตชนกันดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ว่า กรณีเกิดเหตุการณ์เรือสปีดโบตขนาดใหญ่บรรทุกผู้โดยสารเต็มเรือทั้ง 2 ลำ ซึ่งเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ต ไปท่องเที่ยวหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ชนกันบริเวณหินมูสัง บริเวณด้านใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา หลังเกิดเหตุจังหวัดภูเก็ตได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมด ไม่มีผู้สูญหาย
โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวที่มากับเรือหงส์ฟ้า 33 จำนวน 26 คนนั้น มีบาดเจ็บเล็กน้อย ปลอดภัยทั้งหมด ส่วนนักท่องเที่ยวที่มากับเรือชลกิต 856 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาย และหญิง สัญชาติจีน บาดเจ็บนอนโรงพยาบาล 18 ราย ถูกกระจายส่งไปโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต โรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่เหลือทั้งหมดยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ และพยาบาล
นายจำเริญ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์เรือชนกันครั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำภูเก็ต เทศบาลตำบลรัษฎา โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ศูนย์ ปภ.เขต 18 ภูเก็ตและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้บูรณาการเข้าให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ ซึ่งใช้เวลาในการปฏิบัติงาน และยุติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลได้ภายใน 2 ชั่วโมง สามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมด ไม่มีผู้สูญหาย เนื่องจาก จ.ภูเก็ต มีมาตรการเข้มงวดให้ผู้โดยสารทุกคนสวมเสื้อชูชีพ ส่วนสาเหตุเรือชนกันน่าจะเกิดจากความประมาทของคนขับเรือ
จากกรณีเมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้รับแจ้งมีอุปบัติเหตุเรือสปีดโบตชนกันกลางทะเลอันดามัน บริเวณกองหินมูสัง ระหว่างเกาะดอกไม้ และเกาะพีพี อยู่ห่างจากจังหวัดภูเก็ต ประมาณ 30 ไมล์ทะเล ทราบชื่อคือ เรือหงส์ฟ้า 20 บรรทุกนักท่องเที่ยว จำนวน 26 คน และเรือชลกิต856 บรรทุกนักท่องเที่ยว จำนวน 36 คน หลังรับแจ้งทางตำรวจน้ำภูเก็ต ได้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำกระบี่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อบจ.ภูเก็ต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต โรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ เรือของภาคเอกชน จังหวัดภูเก็ต เพี่อเตรียมความพร้อม และออกไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ คือ เรือชลกิต 856
หลังเกิดเหตุในเบื้องต้น เรือดำน้ำ ส.สมบูรณ์ 3 ซึ่งพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำในบริเวณใกล้จุดที่เกิดเหตุได้เข้าไปช่วยเหลือ และนำนักท่องเที่ยวขึ้นเรือ ในเบื้องต้นมีทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ในเวลาต่อมา เวลาประมาณ 13.05 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และทางเจ้าของเรือได้นำนักท่องเที่ยวทั้งหมดกลับเข้าฝั่ง โดยกระจายไปขึ้นยังท่าเรือต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อนที่จะนำตัวไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยสารเรือหงส์ฟ้า 20 นำขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเอเชียมารีน่า ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 26 คน พร้อมนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลมิชชั่น ภูเก็ต ส่วนผู้โดยสารจากเรือชลกิต 856 มีจำนวน 36 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย เสียชีวิต 2 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 ราย ประกอบด้วย ผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนผู้หญิง 1 ราย ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกรายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีน อายุ 62 ปี ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวที่โรงพยาบาลในขณะนี้มีจำนวน 18 ราย ประกอบด้วย โรงพยาบาลวชิระ 6 ราย โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 3 ราย และโรงพยาบาลมิชชั่น จำนวน 9 ราย ไม่มีผู้สูญหาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุทันที ที่ศาลากลางหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้ทางเจ้าท่าฯ ภูเก็ต ให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกท่าเทียบเรือ และให้มีการสแกนหน้าหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวทุกครั้งที่ลงเรือเพื่อนำข้อมูลมาใช้กรณีที่มีปัญหา
จากการสอบถาม น.ส.บุศรินทร์ สอนอินทร์ อายุ 25 ปี เจ้าของเรือชลกิต กล่าวว่า เรือลำดังกล่าวได้ออกจากท่าเทียบเรืออินทรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เวลาประมาณ 09.00 น. ของวันนี้ โดยมีนักท่องเที่ยวและลูกเรือ ไกด์ รวมทั้งหมด 40 คน เพื่อที่จะนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ระหว่างที่เรือใกล้ถึงจุดหมายได้มีเรือสปีดโบตของบริษัทแห่งหนึ่งได้พุ่งชนเข้าด้านข้างอย่างรุนแรง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และตกลงภายในเรือ
โดยที่ไม่นักท่องเที่ยวรายใดตกลงน้ำ หลังจากที่เกิดเหตุเรือคู่กรณีไม่ให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยมีเรือใกล้เคียงที่เห็นเหตุให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่อยู่ภายในเรือในที่สุด และเมื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขึ้นบนเรือลำใกล้เคียงเสร็จ จากนั้นได้เรือลำดังกล่าวไว้ที่ อ.เกาะยาว จ.พังงา แต่พอมาถึงที่ท่าเรือเกาะยาวเรือได้จมลง
ด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการตำรวจน้ำภูเก็ต เปิดเผยว่า วันนี้ (8 มิ.ย.) เวลาประมาณ 11.30 น. ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุเรือชนกันระหว่างเรือหงส์ฟ้า 33 กับเรือชลกิต 856 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารรวมทั้ง 2 ลำ จำนวน 62 คน จุดเกิดเหตุบริเวณหินมูสัง จ.กระบี่ หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยต่างๆ ได้ออกไปให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน สามารถช่วยเหลือผู้โดยสารได้ทั้งหมด ไม่มีผู้สูญหาย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย และหญิง สัญชาติจีน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย
ส่วนสาเหตุเรือชนกัน เนื่องจากช่วงสายของวันนี้ทะเลมีคลื่นลมค่อนข้างแรง และมีฝนตกหนัก ทำให้อากาศปิด สำหรับสาเหตุที่แท้จริงจะได้มีการสอบสวนกันต่อไป ขณะที่มาตรการในการป้องกัน ตำรวจน้ำภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเต็มที่ และวันนี้ขณะลงไปช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ พบว่า นักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุสวมเสื้อชูชีพทั้งหมด ถ้าไม่สวมเสื้อชูชีพน่าจะเสียหายมากกว่านี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตน่าจะเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งต้องให้หมอชันสูตรก่อนถึงจะสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงได้
ขณะที่ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สรุปข้อมูลเหตุการณ์เรือสปีดโบตชนกันดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ว่า กรณีเกิดเหตุการณ์เรือสปีดโบตขนาดใหญ่บรรทุกผู้โดยสารเต็มเรือทั้ง 2 ลำ ซึ่งเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ต ไปท่องเที่ยวหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ชนกันบริเวณหินมูสัง บริเวณด้านใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา หลังเกิดเหตุจังหวัดภูเก็ตได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมด ไม่มีผู้สูญหาย
โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวที่มากับเรือหงส์ฟ้า 33 จำนวน 26 คนนั้น มีบาดเจ็บเล็กน้อย ปลอดภัยทั้งหมด ส่วนนักท่องเที่ยวที่มากับเรือชลกิต 856 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาย และหญิง สัญชาติจีน บาดเจ็บนอนโรงพยาบาล 18 ราย ถูกกระจายส่งไปโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต โรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่เหลือทั้งหมดยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ และพยาบาล
นายจำเริญ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์เรือชนกันครั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำภูเก็ต เทศบาลตำบลรัษฎา โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ศูนย์ ปภ.เขต 18 ภูเก็ตและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้บูรณาการเข้าให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ ซึ่งใช้เวลาในการปฏิบัติงาน และยุติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลได้ภายใน 2 ชั่วโมง สามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมด ไม่มีผู้สูญหาย เนื่องจาก จ.ภูเก็ต มีมาตรการเข้มงวดให้ผู้โดยสารทุกคนสวมเสื้อชูชีพ ส่วนสาเหตุเรือชนกันน่าจะเกิดจากความประมาทของคนขับเรือ