กระบี่ - ผู้ประกอบการนำเที่ยวกระบี่ โวยแหลกอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เก็บค่าธรรมเนียมไม่เป็นธรรม ฉีกตั๋วทั้งใบไม่เว้นแม้ต้นขั้วให้ตรวจ เชื่อส่อทุจริต ด้านนายกสมาคมฯ ชี้เป็นปัญหาเรื้อรัง และกำลังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างรุนแรง
วันนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการนำเที่ยวรายหนึ่ง ว่า ได้พานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวบริเวณหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลายครั้ง เมื่อส่งนักท่องเที่ยวลงไปยังแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวก็จะเดินไปจ่ายค่าธรรมเนียมค่าเข้าชมอุทยานฯ ให้แก่เจ้าหน้าที่ แต่พฤติกรรมที่พบก็คือ เจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมไม่เท่ากัน และบางครั้งไม่ยอมฉีกตั๋วให้นักท่องเที่ยว หรือบางทีก็ฉีกให้มาทั้งใบ ไม่เว้นแม้แต่ต้นขั้ว และได้ขอนักท่องเที่ยวเก็บไว้ พร้อมกับโชว์ให้ดูเป็นหลักฐาน
ผู้ประกอบการนำเที่ยวรายเดิม กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ 2559 ทางอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สามารถเก็บเงินค่าเข้าชมอุทยานฯ ได้สูงถึง 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาสูงกว่าหลายร้อยเท่าตัว และประกาศเป็นพีพีโมเดล เพื่อเป็นตัวอย่างให้อุทยานฯ ทั่วประเทศเอาแบบอย่าง ซึ่งตนตั้งข้อสงสัยด้วยความคิดโง่ๆ ของตน พฤติกรรมการเก็บเงินของอุทยานหาดนพรัตน์ธาราในลักษณะดังกล่าวต้องไม่โปร่งใส ส่อทุจริต ไม่ได้นำส่งให้แก่รัฐครบถ้วนอย่างแน่นอน และคงจะนำเข้ากระเป๋าใครบางคน หากว่ามีการจัดเก็บที่โปร่งใสกันจริงๆ เชื่อว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทอย่างแน่นอน
จึงอยากให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองช่วยตรวจสอบด้วย เพราะการจัดเก็บค่าธรรมเนียมลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายโกงกินบ้านเมือง หากปล่อยไว้จะทำให้จังหวัดกระบี่เกิดความเสียหายได้ นักท่องเที่ยวจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ก็ต้องฉีกตั๋วให้ถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าเงินที่นักท่องเที่ยวเสียไปจะกลายเป็นภาษีกลับมาพัฒนากระบี่ หรือพัฒนากระเป๋าใคร ก็ขอให้ช่วยตรวจสอบด้วย
นายวัฒน เริงสมุทร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การจัดเก็บธรรมเนียมค่าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่ไม่มีความเป็นธรรม และสองมาตรฐาน กำลังเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว โดยมีนักท่องเที่ยวเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวเดียวกันแต่จ่ายไม่เท่ากัน และได้มีการร้องเรียนมายังสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางสมาคมฯ เองก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า การที่ลงไปท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวเดียวกันแต่ทำไม่ถึงจ่ายไม่เท่ากัน ซึ่งกำลังส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดอย่างรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม ตนจะหาคำตอบเพื่อไปตอบนักท่องเที่ยวให้ได้
