กระบี่ - หนุ่มใหญ่อาชีพรับจ้างทั่วไป โอดรถชนบ้านพังทั้งหลังต้องไปอาศัยญาตินอนนานนับเดือนรอบริษัทประกันภัยจ่ายให้ แต่กลับจ่ายเพียง 30,000 บาท แค่ค่าแรงก็ไม่พอ
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (30 พ.ค.) นายสุทธิพันธ์ สุวรรณบัณฑิต ส.อบต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร นำผู้สื่อข่าวไปพบกับ นายสุทธิพงษ์ นาคฉายา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 7 ตำบลท่ามะพลา อ.หลังสวน พร้อมกับนำดูสภาพบ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สภาพเก่าหลังคามุงด้วยสังกะสี ที่ได้ถูกรถยนต์กระบะชนเมื่อช่วงตี 3 ของวันที่ 30 เม.ย.59 ที่ผ่านมา จนพังทั้งหลัง ทั้งฝาบ้าน และโครงสร้างหลังคาพังลงมาทั้งหมด ทรัพย์สินภายในบ้านบางส่วนได้รับความเสียหาย
นายสุทธิพงษ์ นาคฉายา เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเกือบตี 3 ของวันที่ 30 เม.ย.59 ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพังคนเดียว เนื่องจากตนไม่มีลูกมีเมีย ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงรถเบรกล้อเสียดสีกับพื้นถนนอย่างรุนแรง และไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงดังโครมแล้วทำให้ตัวบ้านของตนพังลงมา แต่โชคดีตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อตั้งสติได้ตนรีบลุกขึ้นวิ่งออกมาจากบ้าน และเห็นรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บม 586 ชุมพร โดยมี นายมนัส เล่งระบำ อายุ 47 ปี เป็นคนขับ และติดอยู่ภายในรถ ตนและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้าช่วยเหลือนำผู้ขับขี่ออกมาจากรถ และได้แจ้งความต่อ พ.ต.ต.ฉัตรชัย นวลจริง สารวัตรสอบสวน สภ.หลังสวน เพื่อเป็นหลักฐาน จนถึงทุกวันนี้ตนก็ยังไม่มีบ้านอยู่ต้องไปขออาศัยอยู่กับญาตินานนับเดือนแล้ว
หลังเกิดเหตุมีตัวแทนของบริษัทนำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มาถ่ายภาพความเสียหายเพื่อส่งไปยังสำนักงานใหญ่ โดยตนได้เรียกค่าเสียไป 300,000 บาท ส่วนผู้ขับขี่ก็ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ล่าสุด มีจดหมายของบริษัทประกันภัยดังกล่าว ลงวันที่ 19 พ.ค.59 ส่งมาบอกว่า ได้พิจารณาชดเชยค่าเสียหาย ให้ จำนวน 30,000 บาท หากตกลงก็ให้แจ้งไปยังบริษัท แม้บ้านตนจะหลังไม่ใหญ่มีสภาพเก่า แต่เงินจำนวนนั้นจะทำให้ตนซ่อมแซม หรือสร้างบ้านให้ได้อยู่อาศัย หรือให้อยู่ในสภาพเหมือนเดินได้อย่างไร แค่ค่าแรงก็ไม่พอแล้ว
ตนมีฐานะที่ยากจน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป วันไหนมีคนจ้างก็มีเงิน วันไหนคนไม่จ้างก็อดจะเอาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่ แล้วทรัพย์สินอื่นๆ ที่เสียหาย และค่าใช้จ่ายระหว่างที่ตนต้องเสียไปช่วงที่ยังไม่มีที่ออยู่อาศัยใครรับผิดชอบ จึงขอถามกลับว่า ถ้ารถยนต์ไม่มาชนบ้านตนแล้วตนจะเดือดร้อนไหม ตนจึงต้องได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้นำชุมชน และมาขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนดังกล่าวเพราะไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (30 พ.ค.) นายสุทธิพันธ์ สุวรรณบัณฑิต ส.อบต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร นำผู้สื่อข่าวไปพบกับ นายสุทธิพงษ์ นาคฉายา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 7 ตำบลท่ามะพลา อ.หลังสวน พร้อมกับนำดูสภาพบ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สภาพเก่าหลังคามุงด้วยสังกะสี ที่ได้ถูกรถยนต์กระบะชนเมื่อช่วงตี 3 ของวันที่ 30 เม.ย.59 ที่ผ่านมา จนพังทั้งหลัง ทั้งฝาบ้าน และโครงสร้างหลังคาพังลงมาทั้งหมด ทรัพย์สินภายในบ้านบางส่วนได้รับความเสียหาย
นายสุทธิพงษ์ นาคฉายา เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเกือบตี 3 ของวันที่ 30 เม.ย.59 ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพังคนเดียว เนื่องจากตนไม่มีลูกมีเมีย ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงรถเบรกล้อเสียดสีกับพื้นถนนอย่างรุนแรง และไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงดังโครมแล้วทำให้ตัวบ้านของตนพังลงมา แต่โชคดีตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อตั้งสติได้ตนรีบลุกขึ้นวิ่งออกมาจากบ้าน และเห็นรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บม 586 ชุมพร โดยมี นายมนัส เล่งระบำ อายุ 47 ปี เป็นคนขับ และติดอยู่ภายในรถ ตนและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้าช่วยเหลือนำผู้ขับขี่ออกมาจากรถ และได้แจ้งความต่อ พ.ต.ต.ฉัตรชัย นวลจริง สารวัตรสอบสวน สภ.หลังสวน เพื่อเป็นหลักฐาน จนถึงทุกวันนี้ตนก็ยังไม่มีบ้านอยู่ต้องไปขออาศัยอยู่กับญาตินานนับเดือนแล้ว
หลังเกิดเหตุมีตัวแทนของบริษัทนำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มาถ่ายภาพความเสียหายเพื่อส่งไปยังสำนักงานใหญ่ โดยตนได้เรียกค่าเสียไป 300,000 บาท ส่วนผู้ขับขี่ก็ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ล่าสุด มีจดหมายของบริษัทประกันภัยดังกล่าว ลงวันที่ 19 พ.ค.59 ส่งมาบอกว่า ได้พิจารณาชดเชยค่าเสียหาย ให้ จำนวน 30,000 บาท หากตกลงก็ให้แจ้งไปยังบริษัท แม้บ้านตนจะหลังไม่ใหญ่มีสภาพเก่า แต่เงินจำนวนนั้นจะทำให้ตนซ่อมแซม หรือสร้างบ้านให้ได้อยู่อาศัย หรือให้อยู่ในสภาพเหมือนเดินได้อย่างไร แค่ค่าแรงก็ไม่พอแล้ว
ตนมีฐานะที่ยากจน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป วันไหนมีคนจ้างก็มีเงิน วันไหนคนไม่จ้างก็อดจะเอาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่ แล้วทรัพย์สินอื่นๆ ที่เสียหาย และค่าใช้จ่ายระหว่างที่ตนต้องเสียไปช่วงที่ยังไม่มีที่ออยู่อาศัยใครรับผิดชอบ จึงขอถามกลับว่า ถ้ารถยนต์ไม่มาชนบ้านตนแล้วตนจะเดือดร้อนไหม ตนจึงต้องได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้นำชุมชน และมาขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนดังกล่าวเพราะไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว
