ยะลา - ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ น.ส.เอ เหยื่อที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นข่มขืน ขณะที่ทางตำรวจเชื่อว่ามีหญิงสาวหลายรายตกเป็นเหยื่อของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว แต่ไม่กล้ามาดำเนินการแจ้งความเอาผิด พร้อมเตือนผู้ปกครองดูแลบุตรสาวอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (29 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ลูกจ้างร้านขายของในเขตเทศบาลนครยะลา ถูกกลุ่มวัยรุ่นจำนวนไม่ต่ำกว่า 6 คน ก่อเหตุฉุดกระชาก บังคับขืนใจต่อหน้าแฟนหนุ่ม ก่อนจะนำตัวไปรุมข่มขืนที่ฝายแก้มลิงกักเก็บน้ำ ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อเวลา 02.00 น.ของคืนวันที่ 26 พ.ค.59 ที่ผ่านมา และ น.ส.เอ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
มีรายงานจากชุดสืบสวน สภ.เมือง ยะลา ว่า ได้เชิญตัว นายดิง แฟน น.ส.เอ มาสอบปากคำ ซึ่งได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมีทั้งหมด 12 คน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแล้ว 11 คน ยังเหลืออีก 1 คน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายดิง อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องนั้นไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากการสอบสวนไม่มีพิรุธแต่อย่างใด นายดิง ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และยังยินดีเป็นพยานให้ทุกกรณี
ทางด้าน นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้ นางสุดา สุหลง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปช่วยเหลือเยียวยา น.ส.เอ ในเบื้องต้นแล้ว พร้อมประสานผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนักสังคมสงค์เคราะห์ นักจิตวิทยา โรงพยาบาลศูนย์ยะลา และกาชาดจังหวัดยะลา เพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ และร่างกาย เนื่องจาก น.ส.เอ ยังรู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
ขณะที่มีรายงานเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองยะลา ว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณฝายกักเก็บน้ำแก้มลิงบ้านพร่อน ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นรุมกระทำชำเรา น.ส.เอ นั้น พบว่า เป็นจุดที่ลับตาผู้คน และไม่มีแสงสว่างในช่วงเวลากลางคืน อีกทั้งบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นเจ้าหน้าที่พบกองไฟ และเศษของก้นบุหรี่ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุนั้นได้ต้มน้ำใบกระท่อมดื่มกินกัน
นอกจากนี้ ก็ยังพบกางเกงชั้นในของผู้หญิง จำนวน 2 ตัว ซึ่ง น.ส.เอ ก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตนเอง จึงทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ที่ผ่านมา อาจจะมีหญิงสาวจำนวนหลายรายที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว แต่ไม่กล้าดำเนินการเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองที่มีบุตรสาวให้ดูแลบุตรสาว และลูกหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาค่ำคืนไม่ควรที่จะปล่อยให้ไปไหนโดยลำพัง เพราะอาจจะถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีล่อลวงไปก่อเหตุสะเทือนขวัญได้อีก