ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชี้สถานการณ์ภัยแล้งเมืองคอนคลี่คลายแล้วหลังฟ้าฝนเป็นใจ คนใกล้ชิด “พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า” แจ้งผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราชคาดการณ์อนาคตผิดพลาด แถมอาจารย์บางคนยังนำคำสัมภาษณ์ผู้ว่าฯ ไปตีความแบบหลงประเด็น
จากกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจากการให้สัมภาษณ์วิทยุ อสมท ของ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ โดยเฉพาะมีการเชื่อมโยงต่อกรณีของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีการประกาศหยุดการเรียนการสอนไปแล้วเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ค.นี้ เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อนักศึกษา และบุคลากรที่มีอยู่กว่า 4,000 คน และกว่า 95% เป็นผู้หญิงที่ไม่สะดวกต่อการใช้ห้องน้ำห้องท่านั้น
แหล่งข่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการแก้ปัญหาภัยแล้งบนศาลากลาง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยต่อ “MGR Online ภาคใต้” แท้จริงแล้วการให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าฯ เป็นการให้ข้อมูลแบบกลางๆ ที่ไม่ได้สื่อแสดงว่าเห็นด้วยต่อคู่ขัดแย้งทางการเมืองฝ่ายไหนเลย เป็นเพียงการให้ข้อมูลเพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่มีอาจารย์ของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช บางคนนำไปตีความเป็นอย่างอื่น จนอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดไปได้ว่า ผู้ว่าฯ ไม่เข้าใจสถานการณ์ หรือไม่ใส่ใจช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเท่าที่ควร
“ความจริงในเรื่องนี้ ท่านผู้ว่าฯ พีระศักดิ์ เป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกผมเองว่าท่านไม่ได้ถือโทษโกรธใคร เพียงแต่อยากให้สังคมเข้าใจว่า หน้าที่ของผู้ว่าฯ ไม่ใช่ว่าต้องไปสร้างภาพให้คนเห็น เช่น ไปนั่งเฝ้าก๊อกว่ามีน้ำไหลหรือไม่ หรือต้องไปมุดท่อลุยโคลนอะไรแบบนั้น ต่อปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ท่านก็ลงคลุกเพื่อหาทางบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนตลอด เอาเป็นว่าภาพที่ชัดเจนที่สุดที่ส่งผลให้วิกฤตขาดน้ำประปาในเขตเมืองนครศรีธรรมราชคลี่คลายในเวลานี้ก็คือ ท่านได้ประสานกับทีมทำฝนหลวงอย่างใกล้ชิดจนประสบผลในระดับน่าพอใจแล้วในเวลานี้”
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวด้วยว่า กรณีวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช ประกาศหยุดการเรียนการสอนถึง 1 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ แม้จะเป็นสิทธิของ ผอ.วิทยาลัย ที่สามารถดำเนินการได้ แต่กระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของจังหวัด ซึ่งภายหลังการประกาศที่มีผู้ใหญ่สอบถามมากมายว่าในพื้นที่วิกฤตหนักขั้นนั้นเลยล่ะหรือ ส่งผลให้ผู้ว่าฯ ต้องหาโอกาสชี้แจง และโดยข้อเท็จจริงทางวิทลาลัยเองก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือ หรือแม้แต่จะประสานมาเพื่อให้จังหวัดรับทราบแต่อย่างใด
“ขณะที่โรงเรียนอื่นๆ อีกมากมายในพื้นที่เดียวกันกับวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช กลับยังสามารถทำการเรียนการสอนได้ปกติ แถมเวลานี้สถานการณ์วิกฤตขั้นหนักจริงๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว นับต่อไปนี้ ทุกฝ่ายเชื่อกันว่าสถานการณ์มีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลที่จังหวัดมีอยู่คือ วิกฤตหนักสุดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่วิทยาลัยประกาศปิดวันที่ 23-27 พ.ค. หรือตั้งแต่วันจันทร์ ถึงวันศุกร์หน้านี้ อย่างนี้แสดงว่าผู้บริหารเขาอาจจะคาดการณ์ในอนาคตผิดไปหรือไม่ หรือหากประสานจังหวัดมาเราพร้อมช่วยเหลือได้แน่นอน อย่างประเมินว่าคน 3-4 พันคน ปริมาณน้ำใช้ในห้องน้ำวันละ 3-4 รถก็น่าจะเพียงพอ”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งของ จ.นครศรีธรรมราช ได้คลี่คลายลงแล้ว หลังจากเกิดฝนตกในพื้นที่เทือกเขาหลวงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ส่งผลให้ระดับน้ำดิบที่โรงกรองน้ำที่ประตูไชยสิทธิ์ ของการประปาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีระดับสูงขึ้น ขณะนี้สามารถสูบขึ้นมาผลิตน้ำประปาได้เต็มกำลังเช่นเดิม เวลานี้จึงกลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตัดสินใจของ ผอ.วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช ที่สั่งหยุดการเรียนการสอน ว่า เป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่า โรงเรียนอื่นๆ ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อีกกว่า 50 แห่ง ก็ยังไม่มีที่ไหนหยุดการเรียนการสอน อีกทั้งเมื่อตรวจสอบไปยังศูนย์บรรเทาสถานการณ์ภัยแล้งของ จ.นครศรีธรรมราช ก็ไม่มีการประสานขอความช่วยเหลือจากวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราชแต่อย่างใด
จากการสอบถามประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่ยอมรับว่า เมื่อช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัญหาการขาดแคลนน้ำจนถึงขั้นวิกฤตจริง แต่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ดีขึ้นในระดับหนึ่ง และเชื่อว่า สถานการณ์จะกลับสู่ปกติเร็วๆ นี้ เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่าในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงค่อนข้างแปลกใจที่ทางอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช สั่งหยุดการเรียนการสอน เชื่อว่าหากเป็นเหตุผลเรื่องขาดแคลนน้ำจริงทางอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช คงจะมีการทบทวนก่อนเปิดวันทำการในวันจันทร์นี้ แต่ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมโรงเรียนอื่นๆ ไม่สั่งปิดบ้าง ทั้งนี้ จากการพูดคุยกันส่วนใหญ่เชื่อว่า อาจจะเป็นเรื่องความขัดแย้งของฝ่ายการเมืองภายในเทศบาลนครนครศรีธรรมราช