พัทลุง - เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่ายังคงใช้ความพยายามสกัดเพลิงในป่าพรุทะเลน้อย ไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้าง คาดต้องใช้เวลาอีกหลายวัน หากฝนไม่ตกไฟอาจลุกลามขยายพื้นที่เพิ่ม
วันนี้ (13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุ ตรงรอยต่อบ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านยวนนก ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยพัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางป่าพรุ และเป็นจุดทำรังวางไข่ของนกน้ำ และสัตว์เลื้อยคลานผิวดินหลายชนิด ล่าสุด ช่วงเช้าที่ผ่านมา ไฟยังคุกรุ่นในชั้นได้ดินที่มีการทับถมของพืชไม้ในพื้นที่ป่าพรุเป็นบริเวณกว้าง โดยพบว่า บางจุดไปยังคงลุกลาม แต่เป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากช่วงเช้าอากาศชื้น ซึ่งพบว่า ขณะนี้ในจุดที่ไฟลุกไหม้นั้นได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 300-400 ไร่
ในขณะที่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าพัทลุง เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าลุ่มน้ำปากพนัง เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าสตูล เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าพังงา และเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ยังคงเร่งเดินเท้าเข้าป่าพรุ เพื่อทำการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้เป็นวันที่ 3 เนื่องจากช่วงเช้ากระแสลมยังไม่แรง อากาศยังไม่ร้อน ซึ่งหากเป็นช่วงบ่ายจะทำให้การดับไฟในจุดดังกล่าวค่อนข้างยาก และเสี่ยง เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่มีแหล่งน้ำ หรือบ่อน้ำที่จะใช้สูบขึ้นมาดับไฟได้ ส่วนการทำแนวกันไฟก็ทำได้ยาก เพราะบางจุดที่ทำไว้ไม่สามารถสกัดไฟได้เนื่องจากไฟลุกไหม้มาจากชั้นใต้ดิน
นายเข็มชาติ ช่วยเมือง หัวหน้าสำนักงานควบคุมไฟป่าพัทลุง เปิดเผยว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้สกัดไฟไม่ให้ลุกลามเข้ามายังฝั่งบ้านหัวป่าเขียว ในพื้นที่ตำบลทะเลน้อยได้แล้ว พร้อมได้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป ในขณะเดียวกัน ไฟได้ตีย้อนกลับไปทางทิศเหนือ เนื่องจากกระแสลมทำให้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งชั้นในอยู่ซึ่งจุดดังกล่าวการดับไปค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นป่าพรุรกทึบ และไม่มีแหล่งน้ำจืดที่จะสูบมาดับไฟป่าได้ คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันหากฝนยังไม่ตกลงมา
ขณะเดียวกัน เกษตรกรเจ้าของควายในพื้นที่บ้านหัวป่าเขียว ตำบลทะเลน้อย ต้องเร่งไล่ควายออกจากป่าพรุในจุดที่ใกล้ไฟลุกไหม้ เนื่องจากหวั่นเกรงควายของตัวเองจะจะเข้าไปติดอยู่ในวงล้อมที่เกิดไฟไหม้ อาจจะสำลักควันไฟดังกล่าวได้