ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียออกมาถ่ายรูปพลุที่ระเบียงห้องพัก พลาดท่าตกลงตายที่บริเวณชั้น 3 ของโรงแรมชื่อดังหาดป่าตอง
เมื่อเวลา 23.37 น. วันที่ 30 เม.ย.2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีนักท่องเที่ยวตกตึกเสียชีวิตที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง พ.ต.ต.ปฐพี ศรีชาย สว. (สอบสวน) สภ.กะทู้ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผกก.สภ.กะทู้ ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กะทู้ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมชื่อดัง ที่พื้นของอาคารชั้น 3 (ชั้นที่เป็นทางเชื่อมมีสระว่ายน้ำ) พบ นายเจมี่ วิลเลี่ยม บราวน์ (Mr.Jamie William Brown) สัญชาติออสเตรเลีย นอนเสียชีวิตอยู่สภาพนอนคว่ำ สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ แขนสั้น นุ่งกางเกงสีดำมีลาย ขาสั้น แขนขาหักผิดรูป มีเลือดออกเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลป่าตอง เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถามพี่สะใภ้ผู้ตาย บอกว่า ตน และผู้ตายได้พักห้องเดียวกันที่ชั้นที่ 19 ของโรงแรม โดยเมื่อเวลา 23.20 น.วันเดียวกัน ขณะที่ตน และผู้ตายนอนอยู่ภายในห้องพัก ผู้ตายเห็นมีการจุดพลุจึงได้ออกไปดูที่ระเบียงด้านหลังห้อง และนำกล้องถ่ายภาพมาถ่ายภาพพลุ โดยพยายามที่จะยืดตัวออกไปนอกระเบียง ตนได้กล่าวเตือนผู้ตายแล้วว่าให้ระวัง อย่ายื่นตัวออกไปนอกระเบียง จากนั้นตนได้เข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำประมาณ 10 นาที เมื่อออกมาพบว่าผู้ตายกำลังห้อยตัวอยู่นอกระเบียงโดยมือเกาะอยู่ที่ราวระเบียง ตนรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยายามดึงผู้ตายขึ้นมา แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากผู้ตายนั้นตัวหนัก ประกอบกับตนไม่มีแรงพอ เป็นเหตุให้ผู้ตายตกลงไปต่อหน้าต่อตาของตนจึงรู้สึกตกใจ และได้วิ่งลงมาแจ้งต่อพนักงานโรงแรมที่ชั้น 1 ของโรงแรม
ด้าน นายประเทือง เอียดประพันธ์ พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรม ผู้พบศพ บอกว่า ขณะที่อยู่ที่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมได้ยินเสียงบางอย่างตกกระแทกพื้นชั้น 3 อย่างแรง จึงได้ขึ้นไปตรวจสอบ พบศพผู้ตายเสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งให้ผู้จัดการทราบ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนได้ขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องพักของผู้ตายมีสภาพปกติ ไม่มีร่องรอยต่อสู้ และจะทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และจะประสานสถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ให้ทราบต่อไป