สุราษฎร์ธานี - กลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่บ้านคู้อริที่อำเภอศีรีรัฐนิคม กว่า 100 นัด หลังเพื่อนร่วมแก๊งถูกยิงตาย โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ตำรวจเร่งติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (16 เม.ย.) พ.ต.อ.วิสุทธิ์ ศรีคง ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูมินทร์ อินทร์คง หัวหน้าชุดกองพิสูจน์หลักฐาน 8 และ ร.ต.อ.ไพรัตน์ จิตราภิรมณ์ พนักงานสอบสวน สภ.คีรีรัฐนิคม และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบจัดเก็บพยานหลักฐานที่บ้านเลขที่ 21/2 ม.4 ต.บ้านยาง อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ต่ำกว่า 3 ชนิด รวมถึงอาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่บ้านหลังดังกล่าวเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบพบว่า ฝาผนังตัวบ้านด้านหน้าถูกยิงด้วยอาวุธหลายชนิดนับ 100 รู รถยนต์ จำนวน 2 คัน ถูกกระสุนปืนได้รับความเสียหายทั้งตัวรถ กระจกด้านข้าง ด้านหลัง และด้านหน้า แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนหลายชนิดกว่า 50 ปลอก กระจายเกลื่อนบริเวณหน้าบ้านพัก ประกอบด้วย ปลอกกระสุนปืนอาก้า AK47 ปลอกกระสุปืน ขนาด 9 มม. ปลอกกระสุปืน 11.มม. และปลอกกระสุนปืนลูกซอง นอกจากนั้น บ้านที่ใกล้เคียงก็ยังถูกกระสุนปืนได้รับความเสียหายไปด้วย
จากการสอบสวน น.ส.วิไลพร สุขนิตย์ เจ้าของบ้านให้การว่า ขณะเหตุเกิดเวลาประมาณ 22.30 น. ของคืนวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีใครอยู่บ้านพัก ตนได้ออกไปทำธุระข้างนอก หลังเกิดเหตุ มีเพื่อนบ้านโทร.มาบอกว่า บ้านถูกยิง จึงกลับมาดู และได้โทร.แจ้ง 191 ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากที่น้องชายของตนเอง และกลุ่มเพื่อนๆ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มคนในพื้นที่ และฝ่ายตรงข้ามถูกแทงเสียชีวิต 1 คน
พ.ต.อ.วิสุทธิ์ ศรีคง ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม เปิดเผยว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้น คนร้ายใช้รถยนต์เข้ามาก่อเหตุ และมีจำนวนมากกว่า 3 คนขึ้นไป หลังก่อเหตุได้หลบหนี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามเส้นต่างๆ มาประกอบคดี ส่วนชนวนการก่อเหตุน่าจะมาจากน้องชายเจ้าของบ้านมีเหตุเชื่อมโยงกับคดี นายสุพจน์ ชิดสันเที๊ยะ อายุ 34 ปี ถูกแทงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา และหลังเกิดเหตุได้หายตัวไป ทางฝ่ายพรรคพวกผู้เสียชีวิตอาจหวนกลับมาเอาคืนก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งสืบสวนติดตาม และคลี่คลายคดีนี้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ มีการใช้อาวุธสงครามเข้ามาก่อเหตุ ถึงแม้ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บก็ตาม