สตูล - สำนักงานปศุสัตว์ และด่านกักกันสัตว์ ทำลายเนื้อเถื่อนจำนวนมากที่ยึดได้จากผู้ลักลอบค้าเนื้อเถื่อน เตือนผู้บริโภคสังเกตหากพบเป็นเนื้อแช่แข็งแสดงว่าไม่ผ่านการตรวจโรค ผู้บริโภคซื้อไปกินอาจติดเชื้อได้
วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพงษ์ บัวระภา หัวหน้าปศุสัตว์จังหวัดสตูล และนายสุชีพ เอี้ยวเหล็ก หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดทำลายซากสัตว์เร่งนำเนื้อกระบือ หรือควาย จำนวน 1,220 กิโลกรัม มูลค่า 219,600 บาท พร้อมฉีดยาฆ่าเชื้อโรคพ่นใส่เนื้อที่แช่แข็งจำนวนมากก่อนฝังกลบที่บริเวณด่านกักกันสัตว์ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล
หลังด่านศุลกากรวังประจัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล จับกุมได้เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา บริเวณด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่แนวเขตชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งเนื้อกระบือเหล่านี้ได้มีกลุ่มขบวนลักลอบนำเข้ามาในพื้นที่ราชอาณาจักรไทยเพื่อขายในพื้นที่เ นื่องจากมีราคาถูกกว่าเพียงกิโลกรัมละ 183 บาท ในขณะที่ราคาในประเทศราคา 230-250 บาท
นายสุชีพ เอี้ยวเหล็ก หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ กล่าวว่า การจับกุมของด่านศุลกากรวังประจันในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี ที่มีการลักลอบนำเนื้อกระบือ หรือควายมาจากประเทศอินเดีย ผ่านมาเลเซียมาจำหน่ายในไทย ซึ่งฝากเตือนผู้บริโภคให้เลือกซื้อจากแผงเนื้อชำแหละที่ผ่านการรับรอง และการตรวจสอบจาก สนง.ปศุสัตว์ วิธีสังเกตหากพบว่า เป็นเนื้อแช่แข็งวางขายแสดงว่าเป็นเนื้อที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ และเสี่ยงต่อการติดโรคได้ง่าย ซึ่งในหลายประเทศพบว่ามีการระบาดของโรคติดต่อสู่คนได้ เช่น วัณโรค
นายวีระพงษ์ บัวระภา หัวหน้าปศุสัตว์จังหวัด กล่าวว่า พื้นที่สตูลสุ่มเสี่ยงต่อการมีกลุ่มขบวนการลักลอบขนเนื้อควาย เนื้อวัว หรือสัตว์อื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนวังประจัน ซึ่งถือว่าการลักลอบขนเข้ามาผิดกฎหมาย ทางเราจึงจับกุม และต้องเร่งกำจัด และทำลายตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ซึ่งได้ทำลายฝั่งกลบส่วนเนื้อสัตว์ของประเทศอินเดียเพื่อลักลอบเข้าไทยผ่านมาทางประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นเนื้อสัตว์จากต่างประเทศ และหวั่นว่าไม่ได้คุณภาพอาจนำเชื้อโรคเข้ามาได้