xs
xsm
sm
md
lg

ด.ต.จำเลยคดีรุมทำร้าย “ปลาวาฬ” และพวกขอความเป็นธรรมหลังศาลยกฟ้องไม่เกี่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ดาบตำรวจจำเลยคดีทำร้ายร่างกาย “ปลาวาฬ” และพวกที่ “รัชดาผับ” ร้องขอความเป็นธรรมจากสังคม หลังศาลตัดสินยกฟ้องไม่มีส่วนรุมทำร้าย แต่ที่ผ่านมา ตกเป็นจำเลยของคดี และสังคมจนหมดอนาคตต้องถูกออกจากราชการนานกว่า 3 ปี ต้องขายสมบัติเพื่อนำมาต่อสู้คดี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (19 มี.ค.) ด.ต.สุทธินันท์ ขุนยงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกเป็นจำเลย ที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1153, 1154, 3900, 4163, 4314, 4942/2555 หมายเลขแดงเลขที่ 4732-4737/2557 ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ นายวรสิทธิ์ อิสระ โจทก์ร่วม และนายสุชาติ หรือบอล พาหละ จำเลยที่ 1 และพวกรวม 7 คน เรื่อง ความผิดต่อชีวิต พยายาม ความผิดต่อร่างกาย ลหุโทษ จากกรณีเหตุการณ์เด็กเสิร์ฟ และการ์ดของรัชดาผับ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต รุมทำร้าย นายวรสิทธิ์ อิสระ หรือ “ปลาวาฬ” และพวกจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 4 ม.ค.2555 ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนในดีดังกล่าว และผู้เสียหายที่ 3 ในคดีเดียวกันต่อศาล หลังศาลได้ตัดสินคดีของจำเลยที่ 3 ถึงที่สุดแล้ว โดยตัดสินยกฟ้องจำเลยที่ 3 ในคดีดังกล่าว

ด.ต.สุทธินันท์ กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนั้นตนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวด้วย โดยเป็นจำเลยที่ 3 ในคดี หลักตกเป็นผู้ต้องหาตนก็ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ ตนเป็นเพียงคนที่เข้าไปช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งคดีนี้ตนต้องใช้เวลาในการต่อสู้คดีนานกว่า 3 ปี ต้องขายทรัพย์สินมาเพื่อต่อสู้คดี และจ้างทนาย ครอบครัวลำบาก แต่สุดท้ายฟ้าก็มีตา และต้องขอบคุณศาลจังหวัดที่ให้ความเป็นธรรม ตัดสินยกฟ้องตนซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีดังกล่าว ซึ่งศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2557 และได้มีหนังสือเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา สั่งให้คดีในส่วนของจำเลยที่ 3 ถึงที่สุด ทำให้ขณะนี้ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ตนอยากวิงวอนสังคมให้ความเป็นธรรมต่อตนด้วย เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตนตกเป็นจำเลยของสังคม กลายเป็นผู้ต้องหารุมทำร้ายร่างกายคนอื่น ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้ทำ ซึ่งวันนั้นสาเหตุที่ตนเข้าไปที่ผับดังกล่าวก็เนื่องจากช่วงวันที่เกิดเหตุตนก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยปฏิบัติหน้าที่ที่ป้อมสะพานหิน ซึ่งไม่ใกล้จากที่เกิดเหตุมากนัก และก่อนที่จะเกิดเหตุทางผู้จัดการร้านได้โทรศัพท์มาแจ้งเรื่องผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเข้าไปที่ผับดังกล่าว ซึ่งค่อนหน้านี้ตนได้นำหมายจับไปแจ้งไว้แก่ทางผู้จัดการร้านหากพบเห็นบุคคลที่มีหมายจับให้แจ้งด้วย หลังจากรับแจ้งจึงเดินทางเข้าไป แต่ตนก็ไปในชุดนอกเครื่องแบบโดยไปสังเกตอยู่หน้าร้าน

แต่สักพักก็มีคนวิ่งตะโกนออกมาว่ามีการทำร้ายร่างกายกันภายในผับ ตนซึ่งเป็นตำรวจก็ตั้งใจที่จะระงับเหตุ และช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย แต่ก็ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งหลังจากที่คดีถึงที่สุดในส่วนของต้นก็ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตัวเอง และครอบครัว ซึ่งขณะนี้ได้ทำเรื่องเพื่อฟ้องร้องในส่วนของพนักงานสอบสวนในคดี และในส่วนของผู้เสียหายที่ 3 ที่ให้การว่าตนเป็นคนทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 โดยวันนี้ ศาลนัดไต่สวนจึงได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดภูเก็ต
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น