นราธิวาส - แม่ทัพภาค 4 สั่งปิดเทือกเขาเร่งไล่ล่าโจรใต้บุกโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ขณะที่ จนท.โรงพยาบาลทุกคนยังใจสู้เปิดให้บริการแก่ ปชช.ตามปกติ
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ รพ.เจาะไอร้อง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส พ.ต.อ.รัฐบวร บำรุงรส รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส น.ส.บุญรัตน์ ประพันธ์วงศ์ ผอ.โรงพยาบาลเจาะไอร้อง และ พ.อ.สบิรพงศ์ อาจหาญ ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 ได้ร่วมนำคณะแม่ทัพภาค 4 ดูสถานที่เกิดเหตุที่คนร้ายประมาณ 50 คน ได้แยกย้ายกำลังออกเป็น 6 กลุ่มใหญ่ กระจายอยู่ตามตึกต่างๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์ภายในโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ก่อนใช้อาวุธปืนสงครามนานาชนิดยิงถล่มใส่ทหารทหารพรานที่ 4816 ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สามารถรวบรวมปลอกกระสุนชนิดต่างๆ ได้มากกว่า 2,000 ปลอก
ในระหว่างเดินดูสถานที่เกิดเหตุจุดต่างๆ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวย้ำให้ พ.อ.สฐิรพงศ์ อาจหาญ ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 และ พ.อ.พสิษฐ์ ชาญเลขา ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 ให้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เปิดยุทธการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่ายังคงกบดานอยู่บนเทือกเขาเขตรอยต่อระหว่าง อ.เจาะไอร้อง กับ อ.จะแนะ เพื่อควานหาตัวกลุ่มกองกำลังติดอาวุธกลุ่ม นายลุกมาน ลาเต๊ะบือริง และนายซือดี ปูเต๊ะ มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้
นอกจากนี้ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้มีการมอบเงินเยียวยาปลอบขวัญ และสร้างกำลังใจแก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรของโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ผ่าน น.ส.บุญรัตน์ ประพันธ์วงศ์ ผอ.โรงพยาบาลเจาะไอร้อง ซึ่งทุกคนมีขวัญกำลังใจ และยอมรับว่า ช่วงเกิดเหตุต่างรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วสามารถทำใจได้ และส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เป็นคนชาวนราธิวาส ที่จะไม่ยอมทิ้งแผ่นดินบ้านเกิด
ด้าน นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง สสจ.นราธิวาส เปิดเผยว่า เราต่างพากันประเมิน และลงความเห็นว่า จะไม่ปิดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ยิ่งเหตุการณ์รุนแรงเราในฐานะองค์กรกลางยิ่งต้องดูแลสุขภาพของประชาชน หลังจากมีเหตุการณ์ผมก็ได้ลงมาดูแลน้องๆ เพื่อสร้างความมั่นใจเราทุกคนยังคงอยู่กันได้ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงก็โทร.มาหาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โมษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในส่วนหน้า เปิดเผยว่า ล่าสุด แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยดำเนินการหลักๆ 3 ประการ คือ 1. การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งให้ทุกหน่วยในพื้นที่ควบคุมพื้นที่ และติดตามคนร้ายให้จงได้ 2. การสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และ 3. การทำงานด้านการเมือง ยังคงมุ่งเน้นในการขับเคลื่อนการพัฒนา
ด้าน พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโมษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในส่วนหน้า เปิดเผยว่า การกระทำในครั้งนี้ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน สุดโต่ง เนื่องจากการใช้ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์เป็นโล่มนุษย์ป้องกันตน กลุ่มโจรรู้ว่าฝ่ายทหารพรานไม่กล้ายิงตอบโต้เข้าไปในบริเวณนี้ ในนามของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศขอประณามการกระทำในครั้งนี้
นอกจากนี้แล้ว นางอรวรรณ นามขัน เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัวและบริการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลเจาะไอร้อง ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนในขณะท้อง 6 เดือน ที่คนร้ายจำนวนนับ 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือวิ่งกรูเข้าไปในอาคารตึก ที่ นางอรวรรณ ซึ่งทำงานเพียงคนเดียว ด้วยอาการสีหน้าที่ยิ้มแย้มหลังจากทำใจได้ตั้งแต่ตอนนั่งโต๊ะทำงาน
โดยคนร้ายได้วิ่งกรูเข้ามาภายในอาคาร และบอกตนว่า ให้หมอบลงกับพื้น ซึ่ง นางอรวรรณ เกิดอาการตกใจสุดขีดนึกสิ่งเดียวในขณะนั้น คือ พ่อกับแม่ โดย นางอรวรรณ ได้บอกต่อคนร้ายไปว่า อย่าทำตนเลยตนท้อง 6 เดือนใกล้คลอด คนร้ายจึงได้ใช้เชือกไนลอนมามัดมือ โดยที่ไม่ทำอะไรตนอีก ตนได้แต่หมอบลงกับพื้นฟังเสียงปืนของคนร้ายยิงใส่ฐานแบบหูดับตับไหม้ จนเวลาผ่านล่วงเลยไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ กลุ่มคนร้ายได้พากันล่าถอยไป ตนจึงแกะเชือกที่คนร้ายมัดออกก่อนที่จะวิ่งหนีเอาตัวรอดเข้าไปในอาคาร