นราธิวาส - องค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินหน้าชี้แจงแนวทางการดำเนินการช่วยเหลือที่ดินของ “โรงเรียนญีฮาดวิทยา” ให้ตรงตามเจตนารมณ์ของเจ้าของเดิมต่อไป หลังกรณีถูกศาลแพ่งยึดทรัพย์สิน
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ชินวัตร แม้นเดช รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย น.อ.นภดล ฐิตวัฒนะสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินนราธิวาส พ.อ.วรวิตร ศาสตร์ศิลป์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ร่วมรับฟังการแถลงการณ์ของคณะองค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาการยึดที่ดินโรงเรียนญีฮาดวิทยา อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
โดยมี นายซาฟาอี เจ๊ะเบาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ดร.วิสุทธิ์ บินลาเตะ ผู้แทนสำนักงานจุฬาราชมาตรี เป็นผู้ชี้แจงแถลงการณ์ให้แก่กลุ่มผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่ามได้รับทราบ ทั้งนี้ คณะองค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะดำเนินการชี้แจงต่อผู้นำศาสนาทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยในครั้งนี้เริ่มต้นที่ จ.นราธิวาสก่อนเป็นจังหวัดแรก
อย่างไรก็ตาม ในการชี้แจงแถลงการณ์ครั้งนี้ ทางองค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ชี้ถึงแนวทางขององค์กรที่จะดำเนินการช่วยเหลือโรงเรียนญีฮาดวิทยา ซึ่งเป็นที่ของสาธารณะมีผู้ที่ยกที่ดินให้มีเจตนารมณ์ให้ใช้เพื่อดำเนินการด้านการศึกษา โดยหลังจากนี้ ที่ดินบริเวณดังกล่าวจะดำเนินการให้ตรงตามเจตนารมณ์ของเจ้าของเดิมต่อไป ซึ่งจะมีการประชุมหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามที่ประชาชนต้องการมากที่สุด
สำหรับโรงเรียนญีฮาดวิทยา นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งพิพากษาให้ยึดที่ดินโรงเรียนญีฮาดวิทยา เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สนับสนุนการก่อการร้าย และเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ครอบครัว “แวมะนอ” ได้ย้ายออกจากบ้าน ที่ตั้งในโรงเรียนญีฮาดวิทยา โดยไม่ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล และต่อมา ภายหลังได้มีกลุ่มองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ความช่วยเหลือ
พร้อมจัดเวทีแสดงความเห็นในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และถูกนำไปบิดเบือนว่ารัฐได้ใช้อิทธิพลเข้าคุกคามโรงเรียนปอเนาะซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรม ส่งผลให้มีความรู้สึกในแง่ลบของประชาชน ซึ่งทางองค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้ออกมาชี้แจงสร้างความเข้าใจต่อประชาชนถึงการดำเนินการของภาครัฐ พร้อมร่วมหาแนวทางการแก้ปัญหาในประเด็นดังกล่าว โดยในขั้นต้นได้ชี้แจงให้ผู้นำศาสนา และโต๊ะอิหม่ามทราบเพื่อนำไปขยายผลต่อไปถึงการดำเนินการของภาครัฐ และองค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้