ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กองบัญชาการสอบสวนกลาง บูรณาการหน่วยงานตำรวจในสังกัด ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมรวบพี่เขยอดีตนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา และลูกน้อง ได้ทั้งยาเสพติด และอาวุธปืน เผยผลระดมกวาดล้าง 3 วัน จับกุมผู้ต้องหาได้ 100 คน พร้อมด้วยของกลางมูลค่า 20 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 ก.พ.) ที่บริเวณหน้ากองกำกับการตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บชก. เป็นประธานการแถลงข่าวผลการปฏิบัติการภายใต้ยุทธการ “ไพร่ฟ้าหน้าใส ณ จังหวัดภูเก็ต” ซึ่งเป็นการสนธิกำลังของกองบังคับการต่างๆ ในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อร่วมกันปฏิบัติภารกิจปราบปรามอาชญากรรมเชิงรุก โดยการปิดล้อมตรวจค้นผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด และมือปืน
ทั้งนี้ ยุทธการดังกล่าวกำหนดขึ้นในระหว่างวันที่ 18-21 ก.พ.2559 เป็นการดำเนินการพร้อมกันใน 3 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.พันชนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. และ กก.ปพ.บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฯ รวม 99 นาย บูรณาการกำลังร่วมกับตำรวจน้ำภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สว.สส.ส.รน. 3 กก.8 บก.รน. พร้อมกำลัง จำนวน 9 นาย ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการโดยในจังหวัดภูเก็ต วันนี้ได้เข้าดำเนินการในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 9 เป้าหมาย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 8 ราย เป็นการปิดล้อมตรวจค้นผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย
พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. กล่าวถึงการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ว่า บ้านเลขที่ 45/3 ม.6 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบกับได้มีร้องเรียนชาวบ้านไปยังกองปราบปรามว่า บ้านหลังดังกล่าวมีคนชอบยิงใส่กำแพงบ้านซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญ และส่งเสียงดังเป็นอย่างมาก ในวันนี้จึงวางแผนเข้าจู่โจมทันที แต่ขณะที่ชุดตรวจค้นกำลังจะนำหมายเข้าทำการค้นบ้านหลังดังกล่าว พบผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 คน พยายามวิ่งหลบหนีออกจากบ้านจึงทำการควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน ส่วนอีก 1 คน วิ่งหลบหนีกลับเข้าไปในบ้าน และปิดล็อกประตูไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น จึงได้ปิดล้อมบ้านเป้าหมาย และซักถามผู้ต้องสงสัย ทราบว่า ภายในบ้านมีอาวุธปืน และยาเสพติดจำนวนหนึ่ง ทั้งยาไอซ์ ยาอี ยาเค เฮโรอีน และยังมีบุคคลต้องสงสัยอยู่ในบ้านอีก 4 คน จากนั้นผู้ที่วิ่งหนีออกมาบอกต่อทางเจ้าหน้าที่ว่า คนที่อยู่ภายในบ้านได้ใช้อาวุธเตรียมยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าตรวจค้น ทางหัวหน้าชุดตรวจค้นจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและขอกำลังเสริมชุดปฏิบัติการพิเศษของกองปราบปราม และจังหวัดภูเก็ต และตำรวจในพื้นที่ประมาณ 100 นาย เข้าปิดล้อมจนสามารถควบคุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ส่วนอีก 1 คน ที่เป็นผู้ต้องหาเคยต้องหาคดีพยายามฆ่าได้หลบอยู่ใต้เพดาน ทาง นายสุรทิน เลี่ยนอุดม อดีตนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา ซึ่งเป็นน้องเขยของผู้ต้องหา และภรรยา รวมทั้งญาติพี่น้องได้ช่วยกันเกลี้ยกล่อมขอให้ลงมามอบตัว แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมลงมามอบตัว จนชุดปฏิบัติการพิเศษต้องบุกขึ้นไปบนฝ้าเพดาน และสามารถควบคุมไว้ได้ในที่สุด
จากการตรวจค้นภายในบ้านมีอาวุธปืน 2 กระบอก มีดดาบ 3 เล่ม บ้องกัญชา เขียง และอุปกรณ์เสพยาจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย นายจอมพล สิริวันต์ นายภาสกร วุฒิชาญ นายบุญหนัก สอนนำ (อดีตตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต) นายไชยรัตน์ จันทร์ทา และนายชนินทร์ เพชรคง แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ เฮโรอีน ยาอี) อยู่ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนอยู่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
นอกจากนี้ เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 100/5 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต สามารถจับกุมวีระวัฒน์ ถนอมเกียรติ อายุ 48 ปี พร้อมด้วยของกลางกระสุนปืนขนาด .45 มม. จำนวน 34 นัด และกระสุนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 9 นัด
อย่างไรก็ตาม ยังมีการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อคดีที่ภูเก็ต จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายหน่อย หรือจ๊อก ทองสิน อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.228/2557 ลง 23 เม.ย.57 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ และพาผู้อื่นไปเพื่ออนาจารโดยใช้อุบายหลอกลงขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้าย” ส่วน นายสุวัฒน์ ยาหลี อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 741/57 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น”
ด้าน พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บช.ก. กล่าวถึงการระดมกวาดล้างในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทั้ง 3 วัน ว่า สามรถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 100 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท โดยทางชุดจับกุมยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากต้องการกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้ลดน้อยลง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตต่อไป
