ตรัง - ททท.ตรัง ชี้ผลจัดวิวาห์ใต้สมุทรมาจนครบ 20 ปี ช่วยกระตุ้นให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวโตขึ้นถึงปีละ 8% ฉลองครบ 2 ทศวรรษ เปิดให้ร่วมกิจกรรมฟรี คู่บ่าวสาวแห่สมัครร่วมงานจนล้นแต่รับได้แค่ 20 คู่
วันนี้ (12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิชัย มะนะสุทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง กล่าวว่า สำหรับการจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร ครั้งที่ 20 หรือ Trang Underwater Wedding Ceremony 2016 เนื่องในเทศกาลแห่งความรัก หรือเทศกาลวาเลนไทน์ ระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างชื่อเสียงของ จ.ตรัง ให้โด่งดัง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้น เนื่องจากในปีนี้มีความพิเศษตรงที่จะมีการร่วมฉลองครบรอบ 2 ทศวรรษของการจัดงาน หอการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ปรับรูปแบบกิจกรรมให้แปลกใหม่ และมีความน่าสนใจมากขึ้น รวมทั้งตัดบางกิจกรรมที่ไม่จำเป็น หรือมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากออกไปเพื่อความเหมาะสม
จึงได้กำหนดให้มีคู่บ่าวสาวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาร่วมดำน้ำจดทะเบียนสมรสใต้ทะเล จำนวน 20 คู่ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ปกติคู่บ่าวสาวจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคู่ละ 40,000 บาท เนื่องจากในแต่ละปีจะมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนให้การสนับสนุนงบประมาณมามากพอสมควรอยู่แล้ว จึงทำให้ปีนี้มีคู่บ่าวสาวให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก แต่สามารถรับได้เพียงแค่ 20 คู่ เพื่อต้องการวางรูปแบบการจัดงานให้มีคุณภาพและเป็นมาตรฐาน สมกับพิธีวิวาห์ใต้สมุทร ซึ่งมีเพียงจังหวัดเดียวของประเทศไทย และจนถึงขณะนี้มีคู่บ่าวสาวมาร่วมงานแล้วถึง 572 คู่แล้ว จากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนสถานที่ในการจัดกิจกรรมเพื่อความแปลกใหม่ เช่น ให้คู่บ่าวสาวร่วมจดทะเบียนสมรสใต้ทะเล ณ สถานีรักรถไฟอันดามัน ซึ่งตั้งอยู่ใต้ท้องทะเล บริเวณเกาะแหวน ให้คู่บ่าวสาวไปร่วมทำขนมเค้ก และขนมจีบ ในเขตเทศบาลตำบลลำภูรา เนื่องจากขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีชื่อเสียงของ จ.ตรัง หรือให้คู่บ่าวสาวไปเยี่ยมชมตึกชิโนโปรตุกีส ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์ งดงาม และทรงคุณค่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างจุดขายแหล่งท่องเที่ยวของ จ.ตรัง ที่มีความหลากหลาย จนทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจ และเดินทางมาเยือนตลอดทั้งปี
น.ส.กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตรัง กล่าวว่า จากการจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทรมาอย่างต่อเนื่องจนครบ 20 ปีนั้น ส่งผลให้ จ.ตรัง เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกในฐานะเมืองแห่งความรัก หรือเมืองโรแมนติก จนมีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งดูได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่โตขึ้นประมาณปีละ 8% และจากการเก็บข้อมูลเฉพาะในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 2558 พบว่า มีนักท่องเที่ยว และนักทัศนาจร 17,740 คน มีรายได้ 99.11 ล้านบาท ส่วนในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 2559 แม้เศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่คาดว่ายังมีนักท่องเที่ยว นักทัศนาจร และรายได้ไม่ต่างกัน
นอกจากนั้น ททท.ยังได้โปรโมตให้เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก รวมทั้งที่ จ.ตรัง ซึ่งมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในฐานะที่เป็นเมืองแห่งความรัก พร้อมกับมีจุดแข็งตรงท้องทะเลที่สดใส หาดทรายที่สะอาด หรือเกาะแก่งที่สวยงาม จนมีความเป็นหนึ่งในฝั่งอันดามัน และการที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวไม่แออัดจนเกินไปเหมือนกับบางจังหวัด เมื่อนำมาผนวกเข้ากับการจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทรอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยว และรายได้ดีขึ้นตามมา ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวทางบก และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เช่น วัด ศาลเจ้า ถ้ำ ภูเขา น้ำตก หรืออาหารการกิน ก็พลอยเป็นที่รู้จัก และมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากขึ้นเช่นกัน