นครศรีธรรมราช - คลื่นลมถล่มชายฝั่งนครศรีฯ อย่างหนัก มาพร้อมน้ำทะเลหนุนสูงจนเรือยักษ์บรรทุกแร่ถูกคลื่นซัดเกยสันดอนหน้าปากอ่าว ขณะที่หลายชุมชนน้ำเค็มบ่าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านขนของหนีน้ำอย่างทุลักทุเล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า วานนี้ (7 ก.พ.) คลื่นลมตลอดแนวชายฝั่งด้านอ่าวไทยทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา ชาวประมงชายฝั่งต้องอพยพเรือประมงหนีห่างจากแนวคลื่น ขณะที่น้ำทะเลได้หนุนสูงไหลบ่าเข้าท่วมในหลายชุมชน ส่วนบริเวณปากน้ำท่าศาลา เรือบรรทุกแร่ขนาดใหญ่ถูกคลื่นซัดเกยสันดอนหน้าปากอ่าว ห่างจากชายฝั่งไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
ขณะที่เรือลากจูงพยายามเข้าช่วยเหลือลากให้พ้นสันดอนแต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคลื่นสูงและลมแรงจัด ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ต้องใช้ความพยายามในการเข้าฝั่งผ่านปากร่องน้ำที่มีความสูง 3-4 เมตร ส่วนชุมชนชาวประมงที่อยู่ในย่านนี้ต่างกังวลต่อภัยพิบัติที่กำลังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเสียหายจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อนยังไม่สามารถฟื้นฟูเรือของตัวเองได้ กลับต้องเจอกับคลื่นลม และทะเลหนุนสร้างความเสียหายอีกระลอก
ขณะที่ใน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สภาพบ้านเรือนในชุมชนปากนครจำนวนหลายสิบหลังต้องรีบเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหนีความเสียหายจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูง และบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนในชุมชนอย่างรวดเร็ว และบ่าท่วมขยายวงกว้างไปในชุมชน บ้านเรือนหลายหลังเจ้าของไม่สามารถเคลื่อนย้ายของได้ทัน ทำให้ถูกน้ำท่วมจนเสียหายจำนวนมาก ขณะที่น้ำทะเลหนุนสูงยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ด้านกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 4 นครศรีธรรมราช ได้รวมพล และเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยกระจายกำลังไปใน อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร
เช่นเดียวกับพื้นที่ อ.หัวไทร สภาพบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ริมทะเลบริเวณบ้านหน้าศาล บ้านเกาะเพชร และบ้านหน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งหมดเป็นชุมชนริมฝั่งทะเล อยู่ในสภาพเดือดร้อนเช่นเดียวกับอีกหลายพื้นที่ น้ำทะเลได้หนุนสูงเข้าท่วมบ้านเรือน ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพยายามใช้ท่อพญานาคเข้าสูบน้ำทะเลที่ท่วมอยู่ในชุมชนทิ้งข้ามฝั่งถนนเป็นเหตุให้การจราจรในย่านนี้ไม่สามารถใช้การได้ไปโดยปริยาย ส่วนสภาพคลื่นลมในทะเลนั้นยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ชาวบ้านหลายคนต้องอพยพออกจากบ้านไปชั่วคราว โดยเฉพาะบ้านเรือนที่มีเพียงคนชราและเด็ก ขณะที่สมาชิกของชุมชนที่เป็นชายฉกรรจ์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ เจ้าหน้าที่จึงไม่มีความพร้อมในการช่วยเหลือเท่าที่ควร
