สุราษฎร์ธานี - เครือข่ายสหกรณ์ชาวสวนยาง จำนวน 35 แห่ง เคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือชาวสวนยาง ล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรุดลงพื้นที่รับฟังปัญหา พร้อมรับข้อเสนอส่งให้ส่วนกลาง รอดูท่าทีรัฐบาล พร้อมระบุหากนิ่งเฉยจะเคลื่อนไหวต่อไป
จากกรณีเครือข่ายสหกรณ์ชาวสวนยาง จำนวน 35 แห่ง ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือชาวสวนยาง หลังจากโครงการรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยาง ผ่านไป 1 สัปดาห์ ไม่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรรายย่อยที่จะนำยางมาขายในโครงการ เนื่องจากมีปัญหาเดินทางไกล ต้องคอยเงินเข้าบัญชีอีก 3 วัน การนำยางมาขายยังจุดรับซื้อไม่คุ้มต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
โดยทางเครือข่ายสถาบันการยางได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้หาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยยื่นข้อเรียกร้อง จำนวน 3 ข้อ คือ 1.ยกเลิกสิทธิการขายไร่ละ 10 กก.ไม่เกิน 15 ไร่ 2.ให้ชาวสวนยางขายยางได้ราคาเดียวกันทุกคน 3.ชาวสวนยางรับเงินสดจากจุดรับซื้อได้เลยไม่ต้องรอคิวที่ ธ.ก.ส. โดยให้รัฐบาลโอนเงินผ่านสถาบันสหกรณ์กองทุนสวนยางพ่วงพรมคร จำกัด หมู่ที่ 2 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี
หลังจากมีการเคลื่อนไหว นายเกษม สมัยแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายนันทวัฒน์ แก้วอำดี สหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุภิชาญ ช่อเรืองศักดิ์ ผอ.สกย.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมายังสหกรณ์กองทุนสวนยางพ่วงพรมคร จำกัด หมู่ที่ 2 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมประชุมรับฟังปัญหาการรับซื้อยางพาราของสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราภาคของภาครัฐ 18 สถาบัน และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงโครงการให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของเกษตรกรชาวสวนยางได้ตรงจุด ณ ห้องประชุม สกย. พ่วงพรหมคร จำกัด อ.เคียนซา หลังจากใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จึงมีข้อสรุปจำนวน 5 ข้อ ประกอบด้วย
1.เพิ่มค่าบริหารจัดการของสถาบันจาก 1% เป็น 3% 2.เพิ่มค่ารับจ้างแปรรูปน้ำยางสดเป็นยางแผ่นรมควัน จาก 4.60 บาท/กก. เป็น 6.50 บาท/กก. 3.กรณียางที่รับซื้อไม่ผ่านคุณภาพ จนท. คัดยางประจำจุดรับซื้อ (จนท.ตลาดกลาง) เป็นผู้รับผิดชอบ 4.ควรให้เกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดินเข้าถึงโครงการ และ 5.การจูงใจให้เกษตรกรนำยางมาขายเพิ่มมากขึ้นโดย เพิ่มสิทธิการขายต่อราย เป็น 2 กก./ไร่ ขายทุก 15 วัน ไม่เกิน 15 ไร่ สถาบันจ่ายเงินสดสำรองค่ายาง โครงการจ่ายเงินให้แก่สถาบันใน 3 วันทำการ เพิ่มการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เกษตรกรทราบ และเข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อสรุปทั้งหมดนำไปรายงานให้ทางส่วนกลางรับไปแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางกลุ่มสถาบันการยางพอใจ และยินยอมรอดูท่าทีรัฐบาลหากรัฐยังนิ่งเฉยจะออกมาเคลื่อนไหวต่อไป
จากกรณีเครือข่ายสหกรณ์ชาวสวนยาง จำนวน 35 แห่ง ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือชาวสวนยาง หลังจากโครงการรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยาง ผ่านไป 1 สัปดาห์ ไม่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรรายย่อยที่จะนำยางมาขายในโครงการ เนื่องจากมีปัญหาเดินทางไกล ต้องคอยเงินเข้าบัญชีอีก 3 วัน การนำยางมาขายยังจุดรับซื้อไม่คุ้มต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
โดยทางเครือข่ายสถาบันการยางได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้หาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยยื่นข้อเรียกร้อง จำนวน 3 ข้อ คือ 1.ยกเลิกสิทธิการขายไร่ละ 10 กก.ไม่เกิน 15 ไร่ 2.ให้ชาวสวนยางขายยางได้ราคาเดียวกันทุกคน 3.ชาวสวนยางรับเงินสดจากจุดรับซื้อได้เลยไม่ต้องรอคิวที่ ธ.ก.ส. โดยให้รัฐบาลโอนเงินผ่านสถาบันสหกรณ์กองทุนสวนยางพ่วงพรมคร จำกัด หมู่ที่ 2 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี
หลังจากมีการเคลื่อนไหว นายเกษม สมัยแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายนันทวัฒน์ แก้วอำดี สหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุภิชาญ ช่อเรืองศักดิ์ ผอ.สกย.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมายังสหกรณ์กองทุนสวนยางพ่วงพรมคร จำกัด หมู่ที่ 2 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมประชุมรับฟังปัญหาการรับซื้อยางพาราของสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราภาคของภาครัฐ 18 สถาบัน และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงโครงการให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของเกษตรกรชาวสวนยางได้ตรงจุด ณ ห้องประชุม สกย. พ่วงพรหมคร จำกัด อ.เคียนซา หลังจากใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จึงมีข้อสรุปจำนวน 5 ข้อ ประกอบด้วย
1.เพิ่มค่าบริหารจัดการของสถาบันจาก 1% เป็น 3% 2.เพิ่มค่ารับจ้างแปรรูปน้ำยางสดเป็นยางแผ่นรมควัน จาก 4.60 บาท/กก. เป็น 6.50 บาท/กก. 3.กรณียางที่รับซื้อไม่ผ่านคุณภาพ จนท. คัดยางประจำจุดรับซื้อ (จนท.ตลาดกลาง) เป็นผู้รับผิดชอบ 4.ควรให้เกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดินเข้าถึงโครงการ และ 5.การจูงใจให้เกษตรกรนำยางมาขายเพิ่มมากขึ้นโดย เพิ่มสิทธิการขายต่อราย เป็น 2 กก./ไร่ ขายทุก 15 วัน ไม่เกิน 15 ไร่ สถาบันจ่ายเงินสดสำรองค่ายาง โครงการจ่ายเงินให้แก่สถาบันใน 3 วันทำการ เพิ่มการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เกษตรกรทราบ และเข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อสรุปทั้งหมดนำไปรายงานให้ทางส่วนกลางรับไปแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางกลุ่มสถาบันการยางพอใจ และยินยอมรอดูท่าทีรัฐบาลหากรัฐยังนิ่งเฉยจะออกมาเคลื่อนไหวต่อไป
