นราธิวาส - ยังมีผลดี! แม้คลื่นลมแรงได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนในนราฯ จนชาวบ้านต้องอพยพ แต่กลับส่งผลให้กลุ่มเลี้ยงปลาในกระชังติดชายหาดนราทัศน์ทำปลาโตไวขึ้น และจับขายได้เร็วกว่าปกติ
วันนี้ (28 ม.ค.) สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีคลื่นลมแรงได้พัดถล่มฝั่งชายหาดในพื้นที่ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน และ 4 ชุมชน จำนวน 127 ครัวเรือน รวม 508 คน ได้รับความเดือนร้อนจากคลื่นลมแรงซัดบ้านพังเสียหาย ซึ่งชาวบ้านต้องอพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพ อบต.โคกเคียน เป็นการชั่วคราว แถมยังสร้างความสูญเสียต่อรายได้ของชาวบ้านที่ยึดอาชีพทำบูดูอันลือชื่อ จนนายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าฯ นราธิวาส ต้องประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติ
แต่ในมุมกลับกัน ผลพวงจากปัญหาคลื่นลมแรงแม้จะสร้างความสูญเสีย แต่ยังสร้างประโยชน์ให้แก่ชาวบ้านอีก 4 กลุ่ม ที่ยึดอาชีพเลี้ยงปลากะพง และปลาเก๋าในกระชัง บริเวณลุ่มน้ำคลองโคกเคียน ติดกับชายหาดนราทัศน์ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งมีจำนวนกว่า 30 คน คนละประมาณ 10-15 กระชัง ซึ่งปกติส่วนใหญ่จะต้องเปิดเครื่องออกซิเจนในระหว่างเลี้ยงปลา เนื่องจากสภาพน้ำไม่มีการหมุนเวียนทำให้มีออกซิเจนน้อย แต่เมื่อคลื่นลมแรงซัดตลิ่งจนหนุนน้ำทะเลไหลเข้าคลองโคกเคียน ขยายผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำมีระบบนิเวศที่ดีขึ้น
โดย นายซาการียา เจ๊ะยิ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/9 ถ.ชายทะเล ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็น 1 ใน 30 คน ที่ยึดอาชีพเลี้ยงปลาในกระชังมากว่า 30 ปี บอกว่า กรณีคลื่นลมแรงมีผลดีต่อชาวบ้านที่ยึดอาชีพเลี้ยงปลาในกระชัง เพราะเมื่อน้ำทะเลหนุนเข้ามาในคลอง ทำให้ระบบนิเวศของน้ำได้หมุนเวียน และมีออกซิเจนเพิ่มขึ้น ปลาที่เลี้ยงไว้ในกระชังจะโตขึ้นเร็วกว่าปกติ ที่ต้องเลี้ยงในเวลา 6-7 เดือน จึงสามารถจับขายได้ แต่เมื่อระบบนิเวศดีขึ้นก็จะย่นระยะเวลาการจับปลาขายได้เร็วขึ้น แถมน้ำในคลองก็จะได้ถ่ายเทแบคทีเรียต่างๆ ที่หมักหมมอยู่ในลำคลองออกไปด้วย
