กระบี่ - เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ จัดกำลังกว่า 300 นาย คุมเข้มสวนปาล์มหมดอายุสัมปทาน ของบริษัทยวนสาวการเกษตรจำกัด ในพื้นที่ ม.4 ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จ.กระบี่ คุมเข้มทางเข้าออกพื้นที่สวนปาล์ม ป้องกันเหตุรุนแรง หลังเกิดเหตุยิงกันภายในสวนปาล์มจนมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เมื่อ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมชี้แจงประชาชนให้เข้าใจสถานการณ์
จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่กลุ่มของ ร.ต.ท.พญประสิทธิ์ สุวรรณมาลย์ รอง สว.สส.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมพวกรวม 6 คน ขณะเข้าไปในสวนปาล์มน้ำมัน ม.4 ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จ.กระบี่ ที่หมดสัมปทาน และมีข้อพิพาทกับบริษัท ศรีไสว จำกัด เพื่อให้ออกจากพื้นที่ตามคำสั่งศาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน รวมถึง ร.ต.ท.พญประสิทธิ์ ต่อมา คนงานของบริษัท ศรีไสว ได้เข้ามอบตัว 4 คน พร้อมอาวุธปืน 4 กระบอก เหตุเกิดเมื่อบ่ายวันที่ 16 ธ.ค.58 ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนเพิ่มอีกเกือบ 20 ปลอก และหัวกระสุนจำนวนมาก เชื่อว่าไม่น่าจะลงมือ 4 คน ด้านตำรวจนำผู้ต้องหา และผู้ที่ถูกยิงไปทำแผนประกอบสำนวนการสอบสวน
ล่าสุด วันนี้ (18 ธ.ค.) นายกวี ขุนอักษร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เขาพนม ได้รับคำสั่งจาก นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนกองร้อย จ.กระบี่ อส.อ.เขาพนม ทหารจาก ร.15 พัน 1 คลองท่อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาพนม และผู้นำในพื้นที่รวมกว่า 100 นาย สนธิกำลังตั้งด่านตรวจสกัด จัดชุดลาดตระเวนภายในสวนปาล์มน้ำมันของบริษัทยวนสาวการเกษตร จำกัด ที่หมดสัมปทาน และตามถนนที่ตัดผ่านสวนปาล์มระหว่างอำเภอเหนือคลอง และอำเภอเขาพนม ทำการตรวจค้นรถต้องสงสัย และชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นแก่ชาวบ้าน
นายกวี กล่าวว่า การสนธิกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และผู้นำในพื้นที่ครั้งนี้ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นห่วงถึงปัญหา จึงให้ทำความเข้าใจต่อประชาชนว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งของกลุ่มทุน 2 กลุ่ม ไม่เกี่ยวข้องต่อชาวบ้าน และเพื่อให้เกิดความมั่นใจในความเป็นอยู่ จึงได้จัดชุดคอยเฝ้าระวัง นอกจากนั้น ก็เพื่อทำการตรวจค้นอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมายที่อาจจะเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากมีพื้นที่กว้างเกือบ 1 หมื่นไร่ ส่วนพื้นที่สัมปทานนั้น ขณะนี้จังหวัดอยู่ระหว่างการเสนอไปยังกรมป่าไม้ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ทางด้านคดี พ.ต.ท.ขจิต คงปราบ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เขาพนม กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งได้นำตัว 4 ผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดกระบี่ และได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญต่อประชาชนในพื้นที่ ส่วนบุคคลอื่นที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม
จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่กลุ่มของ ร.ต.ท.พญประสิทธิ์ สุวรรณมาลย์ รอง สว.สส.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมพวกรวม 6 คน ขณะเข้าไปในสวนปาล์มน้ำมัน ม.4 ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จ.กระบี่ ที่หมดสัมปทาน และมีข้อพิพาทกับบริษัท ศรีไสว จำกัด เพื่อให้ออกจากพื้นที่ตามคำสั่งศาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน รวมถึง ร.ต.ท.พญประสิทธิ์ ต่อมา คนงานของบริษัท ศรีไสว ได้เข้ามอบตัว 4 คน พร้อมอาวุธปืน 4 กระบอก เหตุเกิดเมื่อบ่ายวันที่ 16 ธ.ค.58 ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนเพิ่มอีกเกือบ 20 ปลอก และหัวกระสุนจำนวนมาก เชื่อว่าไม่น่าจะลงมือ 4 คน ด้านตำรวจนำผู้ต้องหา และผู้ที่ถูกยิงไปทำแผนประกอบสำนวนการสอบสวน
ล่าสุด วันนี้ (18 ธ.ค.) นายกวี ขุนอักษร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เขาพนม ได้รับคำสั่งจาก นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนกองร้อย จ.กระบี่ อส.อ.เขาพนม ทหารจาก ร.15 พัน 1 คลองท่อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาพนม และผู้นำในพื้นที่รวมกว่า 100 นาย สนธิกำลังตั้งด่านตรวจสกัด จัดชุดลาดตระเวนภายในสวนปาล์มน้ำมันของบริษัทยวนสาวการเกษตร จำกัด ที่หมดสัมปทาน และตามถนนที่ตัดผ่านสวนปาล์มระหว่างอำเภอเหนือคลอง และอำเภอเขาพนม ทำการตรวจค้นรถต้องสงสัย และชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นแก่ชาวบ้าน
นายกวี กล่าวว่า การสนธิกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และผู้นำในพื้นที่ครั้งนี้ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นห่วงถึงปัญหา จึงให้ทำความเข้าใจต่อประชาชนว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งของกลุ่มทุน 2 กลุ่ม ไม่เกี่ยวข้องต่อชาวบ้าน และเพื่อให้เกิดความมั่นใจในความเป็นอยู่ จึงได้จัดชุดคอยเฝ้าระวัง นอกจากนั้น ก็เพื่อทำการตรวจค้นอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมายที่อาจจะเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากมีพื้นที่กว้างเกือบ 1 หมื่นไร่ ส่วนพื้นที่สัมปทานนั้น ขณะนี้จังหวัดอยู่ระหว่างการเสนอไปยังกรมป่าไม้ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ทางด้านคดี พ.ต.ท.ขจิต คงปราบ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เขาพนม กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งได้นำตัว 4 ผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดกระบี่ และได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญต่อประชาชนในพื้นที่ ส่วนบุคคลอื่นที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม