ตรัง - เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ 2 แห่งใน จ.ตรังชู “สันหลังมังกรเหลือง” และ “สันหลังมังกรเกล็ดทองคำ” หวังสร้างจุดขายด้านความมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามัน วางแผนเจาะกลุ่มชาวต่างชาตินับถือมังกรที่คอยให้โชคลาภ
วันนี้ (17 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ทางจังหวัดได้นำคณะสื่อมวลชน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องที่ ท้องถิ่น รวมทั้งนักท่องเที่ยว เดินทางไปยังบ้านหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน หลังจากที่มีการค้นพบแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่กลางท้องทะเลตรัง ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินสันทราย และสันเปลือกหอยโผล่ขึ้นมาจากท้องแผ่นน้ำทอดเป็นแนวยาวช่วงน้ำลด นับเป็นธรรมชาติทางทะเลที่มหัศจรรย์และน่าทึ่ง โดยใช้ชื่อว่า “สันหลังมังกร” แห่งทะเลอันดามัน
สำหรับ “สันหลังมังกร” ตัวแรกอยู่ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม มีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาว และสามารถมองเห็นจากเกาะสะบัน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล มายังทะเลตรัง ความยาวประมาณ 1.5 กม. ส่วน “สันหลังมังกร” อีกตัวอยู่ในเขตพื้นที่หมู่ 4 บ้านทุ่งรวงทอง ต.ท่าข้าม มีลักษณะเป็นสันเปลือกหอยน้อยใหญ่ โผล่กลางทะเลสีเหลืองอร่ามคล้ายทองคำ ความยาวประมาณ 2 กม. ทำให้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวอีกว่า ในปีนี้ทางจังหวัดได้ประกาศเปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลตรังเพิ่มขึ้นใหม่อีกแห่งหนึ่ง คือ “สันหลังมังกร” ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์กลางทะเลที่สามารถเที่ยวได้เดือนละ 2 ครั้ง ช่วงข้างขึ้น และข้างแรม 13 ค่ำถึง 5 ค่ำ ในเวลา 15.00-18.00 น. โดยจะปรากฏโผล่จากท้องทะเลอันดามันใน จ.ตรัง และ จ.สตูล จึงถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชม และจะเป็นจุดขายท่องเที่ยวทางทะเลตรังอีกแห่งหนึ่ง
ประการสำคัญหลังจากที่ตนได้เดินทางมาสัมผัสของจริง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ให้ตั้งชื่อตัวแรกเป็น “สันหลังมังกรเหลือง” และตัวที่สองเป็น “สันหลังมังกรเกล็ดทองคำ” ซึ่งต่อไปทางจังหวัดจะได้ถ่ายทอดสิ่งมหัศจรรย์ตรงจุดนี้ ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้รับรู้ผ่านสื่อทุกรูปแบบ พร้อมทั้งจะจัดให้มีการประกวดภาพถ่ายในเร็วๆ นี้อีกด้วย
นอกจากนั้น ทางจังหวัดยังมอบหมายให้ทาง อ.ปะเหลียน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนร่วมกันจัดการท่องเที่ยวให้เข้าสู่การท่องเที่ยววิถีชุมชน เพื่อให้ชุมชนเป็นเจ้าของ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างสรรค์สังคม และท้องถิ่นอย่างมีความสุข ซึ่งหากมีการจัดการที่ดีต่อแหล่งท่องเที่ยว “สันหลังมังกร” ทั้ง 2 ตัว จะทำให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ไม่เคยพบเห็นที่บ้านเมืองของเขา เดินทางกันมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่นับถือมังกร เนื่องจากมีเป็นความเป็นสิริมงคล หรือโชคลาภ