ศูนย์ข่าวภูเก็ต - 2 หนุ่มนครสวรรค์ ถูกกลุ่มวัยรุ่นถูกแทงดับ 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งทอง ลงพื้นที่คุมบุคคลต้องสงสัยสอบปากคำแล้ว คาดออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ภายในวันนี้
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนถูกทำร้ายเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณหน้าป้ายโรงแรมสุวรรณภูผา ห่างจากปากซอยบุญเอิบ 1 ประมาณ 20 เมตร ต.กะทู้ ถ.พระบารมี อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งทอง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย ผกก.สภ.ทุ่งทอง ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ต.กงกฤช ทองนุ่น สวป.สภ.ทุ่งทอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ทุ่งทอง เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรทรโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าป้ายโรงแรมดังกล่าวริมถนน พบศพ นายสมภาร โพตาคาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 ม.3 ต.วังข่อย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ สภาพนอนตะแคงข้างจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าหุ้มส้น จากการตรวจสอบพบว่า มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณใต้ราวนมด้านขวา 1 แผล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียด
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลป่าตองก่อนหน้านี้แล้ว คือ นายบุญทิ้ง ปานพรม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.9 ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณนิ้วกลางด้านขวา 1 แผล และถูกแทงที่บริเวณแผ่นหลัง 2 แผล
จาการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บ และผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในซอยเดียวกัน ต่อมาทั้งสองได้ออกไปส่งเพื่อนที่บริเวณร้านแฟมิลี่มาร์ท หน้าปากซอยบอนไซ เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมาถึงที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 6-7 คน ร่วมกันใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายทั้ง 2 คน เป็นเหตุให้นายสมภาร ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ และนายบุญทิ้ง ได้รับบาดเจ็บ
พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย ผกก.สภ.ทุ่งทอง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุตนเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภายในซอยดังกล่าวทันที และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน 2-3 ราย ส่วนผู้ก่อเหตุทราบแล้วว่าเป็นใคร แต่ได้หลบหนีไปแล้ว และคาดว่าในวันนี้ (16 ธ.ค.) ทางพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนถูกทำร้ายเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณหน้าป้ายโรงแรมสุวรรณภูผา ห่างจากปากซอยบุญเอิบ 1 ประมาณ 20 เมตร ต.กะทู้ ถ.พระบารมี อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งทอง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย ผกก.สภ.ทุ่งทอง ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ต.กงกฤช ทองนุ่น สวป.สภ.ทุ่งทอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ทุ่งทอง เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรทรโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าป้ายโรงแรมดังกล่าวริมถนน พบศพ นายสมภาร โพตาคาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 ม.3 ต.วังข่อย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ สภาพนอนตะแคงข้างจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าหุ้มส้น จากการตรวจสอบพบว่า มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณใต้ราวนมด้านขวา 1 แผล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียด
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลป่าตองก่อนหน้านี้แล้ว คือ นายบุญทิ้ง ปานพรม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.9 ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณนิ้วกลางด้านขวา 1 แผล และถูกแทงที่บริเวณแผ่นหลัง 2 แผล
จาการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บ และผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในซอยเดียวกัน ต่อมาทั้งสองได้ออกไปส่งเพื่อนที่บริเวณร้านแฟมิลี่มาร์ท หน้าปากซอยบอนไซ เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมาถึงที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 6-7 คน ร่วมกันใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายทั้ง 2 คน เป็นเหตุให้นายสมภาร ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ และนายบุญทิ้ง ได้รับบาดเจ็บ
พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย ผกก.สภ.ทุ่งทอง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุตนเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภายในซอยดังกล่าวทันที และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน 2-3 ราย ส่วนผู้ก่อเหตุทราบแล้วว่าเป็นใคร แต่ได้หลบหนีไปแล้ว และคาดว่าในวันนี้ (16 ธ.ค.) ทางพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป