สตูล - “ปธ.สโมสรสตูล ยูไนเต็ด” ออกตอบโต้ปกป้องเกียรติภูมิ หลังถูกกล่าวหาจัดฉากรุมทำร้ายเชิ้ตดำ เตรียมรวบรวมหลักฐานคลิปการแข่งขันให้สมาคม และประชาชนเป็นผู้ตัดสินถึงสาเหตุเกมเดือด!! พร้อมเผยในวงการบอลมีผู้ตัดสินบางคนขายตัวให้อำนาจเงินจริง
วันนี้ (24 พ.ย.) นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ ประธานสโมสรสตูล ยูไนเต็ด ออกมาโต้กลับหลัง 4 ผู้ตัดสินได้แถลงข่าวในลักษณะใส่ร้ายป้ายสีถึงเหตุการณ์ว่า ทางสโมสรสตูล ยูไนเต็ด จงใจให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในสนามการแข่งขันฟุตบอล เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างสตูล ยูไนเต็ดพบกับขอนแก่น ยูไนเต็ด ซึ่งไม่มีเหตุจำเป็นที่จะทำให้เกิดความรุนแรงแบบนั้น และเห็นว่ามันมากเกินไปต่อโยนความผิดให้ ทั้งที่ออกมายอมรับผิด และน้อมรับการพิจารณาโทษเท่านี้ก็บอบช้ำพอแล้ว หากจะพูดก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง อย่ามาปรักปรำกันแค่นี้ก็สาหัสพอแล้วที่ต้องตกเป็นจำเลยทางสังคม ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะมาถึงปลายเหตุ
ซึ่งก็เชื่อว่ามีบางเรื่องที่สื่ออาจจะไม่รู้ในหลายนัดของการแข่งขันของทีมขอนแก่น ที่มีการลงทำการแข่งขัน ซึ่งในที่นี้ไม่ได้โทษทีมขอนแก่น หลังแข่งพบกับทีมธนบุรี ซิตี้ ที่มีการแข่งขันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทำไมผู้ตัดสินต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัว ทาง ธนบุรี ซิตี้ ก็ออกมายืนยัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเราเองก็ประสบด้วยตัวเอง หากมีเจตนาที่บริสุทธิ์แล้วต้องมีบอดี้การ์ด ซึ่งเป็นทหารนอกเครื่องแบบทำไม ไม่มีใครรู้ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากให้ประชาชนได้รับทราบ และตัดสินใจเอาเอง โดยจะไม่ให้ร้ายใคร เอาข้อเท็จจริงมาพูดยืนยันในสถานที่ ภาพถ่าย และให้มีการสอบสวนกันเอาเอง
ประธานสโมสรสตูล ยูไนเต็ด กล่าวด้วยว่า สำหรับชนวนเหตุต้องยอมรับว่า มีผลสะสมมาหลายรอบการแข่งขัน และนัดที่พบกับ จามจุรี แฟนบอลค่อนข้างกดดัน ซึ่งทางเราก็ทราบ และพยามป้องกันตามเกณฑ์แล้ว โดยคนดู 4,000 คน กับผู้รักษาความปลอดภัย 65 คน น่าจะเป็นอัตราที่เยอะพอดู แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็เป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งก็น้อมรับผิด และหากมีการเตี๊ยมอย่างที่ถูกกล่าวหา จะมีการยื้อเวลาให้แฟนบอลเดินกลับทำไม และรอให้อารมณ์แฟนบอลผ่อนคลาย ทำไมไม่มองจุดนั้น เห็นว่าผู้ตัดสินพูดเพื่อเอาตัวรอด ส่วนการออกมาพูดยอมรับในสนามว่าได้ใบสั่งมานั้นของผู้ตัดสินผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งคนเยอะแยะมากมาย เขาอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดให้หมด ทางเราไม่ได้ไปเตี๊ยมได้ขนาดนั้น อยากให้ประชาชนใช้ดุลพินิจคิดดู
ส่วนจะมีการใช้เงินซื้อตัวผู้ตัดสินหรือไม่ในวงการกีฬาฟุตบอล เราไม่มีหลักฐาน ที่ฟังๆมาก็เข้าใจว่าจะมี แต่ไม่ทั้งหมด ต้องพิจารณาเป็นคนคนไป ไม่อยากปรักปรำใคร คนในวงการณ์ก็น่าจะรู้ใครเป็นใคร ซึ่งหลังจากนี้ เราก็ถูกดูหมิ่นดูแคลน ตกเป็นจำเลยสังคม การออกมาโต้เพียงต้องการรักษาเกียรติภูมิ ส่วนการพิจารณาโทษนั้นเราน้อมรับ และวิงวอนให้พิจารณาถึงสาเหตุด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ แฟนบอลจะมาทำร้ายกรรมการ มันมีที่มาที่ไป อยากขอความเป็นธรรมด้วย ให้พิจารณาทั้งหมด ไม่ใช่พิจารณาที่ปลายเหตุอย่างเดียว
ส่วนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินนั้น ทางสโมสรได้มีการทำหนังสือร้องเรียนอยู่แล้วไปทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ส่วนประเด็นที่จะมีการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทนั้น หลังถูกป้ายสียังไม่มีประเด็นที่เลยเถิดไปถึงขนาดนั้น