กระบี่ - ตร.กระบี่ จับอีกนักเลงคีย์บอร์ดโพสต์ข้อความหมิ่นตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ลงในโซเชียล หลังโทร.แจ้งเหตุหญิงสาวถูกคนร้ายดักปล้นทรัพย์ และทำร้ายบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รับสาย จึงตัดสินใจพาผู้เสียหายส่งโรงพยาบาลเอง สารภาพทำไปด้วยความโมโห เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาหมิ่นประมาท และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

วันนี้ (23 พ.ย.) พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทร์ สว.สส. สภ.เมืองกระบี่ ร.ต.อ.สัญญา ธรรมรัตน์ รอง สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ ได้ควบคุมตัว นายพีรสุทธิ์ โวหาร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/3 ม.4 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ลงวันที่ 20 พ.ย.58 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิด “ดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำตามหน้าที่เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และกระทำผิดว่าด้วยการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง แต่ทำไปด้วยความโมโหที่เจ้าหน้าที่ไม่รับโทรศัพท์
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว น.ส.สุกัญญา ลายแบน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 ม.5 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ มาทำการสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหา หลังจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 403/3 ม.1 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ลงวันที่ 19 พ.ย.58 ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ฯ และกระทำผิดว่าด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว น.ส.สุกัญญา มาปรับทัศนคติแล้ว หลังพบว่ามีการอัดคลิปวิดีโอโพสต์ลงในโลกโซเชียล ด่าทอตำรวจจราจรเมืองกระบี่ กรณีสั่งให้เลื่อนรถเก๋งที่จอดกีดขวางทางจราจรหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่จะรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าว่า สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้โพสต์ข้อความลงบนโลกโซเชียลมีเดีย แต่ต่างกรรมต่างวาระกัน ระหว่าง น.ส.สุกัญญา และนายพีรสุทธิ์ ต่อว่าตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดย นายพีรสุทธิ์ ผู้ต้องหาได้ไปพบหญิงสาวคนหนึ่งถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์ และโดนคนร้ายแทงจนเลือดอาบทั้งตัว พยายามเดินโซเซออกมาขอความช่วยเหลือเหตุเกิดบริเวณริมถนนถ้ำช้างสี ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ แต่เมื่อโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบหลายครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย จึงได้นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาลกระบี่ด้วยตัวเอง

จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ระบายอารมณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ด้วยข้อความหยาบคายต่างๆ นานา พร้อมทิ้งเบอร์โทร.ติดต่อไว้ด้วย ต่อมา ในวันที่ 11 พ.ย.58 เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวได้ 2 คน และนำตัวมาทำแผนประกอบคำสารภาพ ส่วนผู้เสียหายที่บาดเจ็บสาหัสแพทย์ให้การรักษาจนอาการปลอดภัยโดยต้องเย็บแผลตามร่างกายกว่า 250 เข็ม
พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวอีกว่า ข้อความที่ นายพีรสุทธิ์ ได้โพสต์เอาไว้นั้นสร้างความเสื่อมเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ เป็นอย่างมาก และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย จึงได้ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายศาลจับกุมเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการใช้สื่อออนไลน์ ในทางที่ไม่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ใช้ถ้อยคำดูถูก หรือคำพูดที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ กรณีเกิดเหตุอาชญากรรมในท้องที่นั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังรับทราบพยายามทำงานอย่างเต็มที่จนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ แต่อาจจะไม่ทันใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่สมควรใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย หรือลักษณะดูหมิ่นจนเกิดความเสื่อมเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทำการสอบปากคำ ทำประวัติ และแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้วางหลักทรัพย์ประกันตัวไปคนละ 1 แสนบาท
วันนี้ (23 พ.ย.) พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทร์ สว.สส. สภ.เมืองกระบี่ ร.ต.อ.สัญญา ธรรมรัตน์ รอง สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ ได้ควบคุมตัว นายพีรสุทธิ์ โวหาร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/3 ม.4 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ลงวันที่ 20 พ.ย.58 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิด “ดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำตามหน้าที่เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และกระทำผิดว่าด้วยการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง แต่ทำไปด้วยความโมโหที่เจ้าหน้าที่ไม่รับโทรศัพท์
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว น.ส.สุกัญญา ลายแบน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 ม.5 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ มาทำการสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหา หลังจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 403/3 ม.1 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ลงวันที่ 19 พ.ย.58 ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ฯ และกระทำผิดว่าด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว น.ส.สุกัญญา มาปรับทัศนคติแล้ว หลังพบว่ามีการอัดคลิปวิดีโอโพสต์ลงในโลกโซเชียล ด่าทอตำรวจจราจรเมืองกระบี่ กรณีสั่งให้เลื่อนรถเก๋งที่จอดกีดขวางทางจราจรหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่จะรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าว่า สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้โพสต์ข้อความลงบนโลกโซเชียลมีเดีย แต่ต่างกรรมต่างวาระกัน ระหว่าง น.ส.สุกัญญา และนายพีรสุทธิ์ ต่อว่าตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดย นายพีรสุทธิ์ ผู้ต้องหาได้ไปพบหญิงสาวคนหนึ่งถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์ และโดนคนร้ายแทงจนเลือดอาบทั้งตัว พยายามเดินโซเซออกมาขอความช่วยเหลือเหตุเกิดบริเวณริมถนนถ้ำช้างสี ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ แต่เมื่อโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบหลายครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย จึงได้นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาลกระบี่ด้วยตัวเอง
จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ระบายอารมณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ด้วยข้อความหยาบคายต่างๆ นานา พร้อมทิ้งเบอร์โทร.ติดต่อไว้ด้วย ต่อมา ในวันที่ 11 พ.ย.58 เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวได้ 2 คน และนำตัวมาทำแผนประกอบคำสารภาพ ส่วนผู้เสียหายที่บาดเจ็บสาหัสแพทย์ให้การรักษาจนอาการปลอดภัยโดยต้องเย็บแผลตามร่างกายกว่า 250 เข็ม
พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวอีกว่า ข้อความที่ นายพีรสุทธิ์ ได้โพสต์เอาไว้นั้นสร้างความเสื่อมเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ เป็นอย่างมาก และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย จึงได้ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายศาลจับกุมเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการใช้สื่อออนไลน์ ในทางที่ไม่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ใช้ถ้อยคำดูถูก หรือคำพูดที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ กรณีเกิดเหตุอาชญากรรมในท้องที่นั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังรับทราบพยายามทำงานอย่างเต็มที่จนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ แต่อาจจะไม่ทันใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่สมควรใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย หรือลักษณะดูหมิ่นจนเกิดความเสื่อมเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทำการสอบปากคำ ทำประวัติ และแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้วางหลักทรัพย์ประกันตัวไปคนละ 1 แสนบาท