นครศรีธรรมราช - กรณีทหาร “มทบ.41” จับซากสัตว์สงวนกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ! เจ้าของซากหัววัวโร่พบตำรวจแจ้งของกลางเป็นหัววัวจากโรงฆ่าสัตว์ ยันไม่มีซากสัตว์สงวนตามถูกกล่าวหา ขออนุญาตปศุสัตว์ค้าซากถูกต้อง ระบุโดนเจ้าหนี้นอกระบบกลั่นแกล้ง
วันนี้ (23 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า นายเมธาสิทธิ์ ปรางปราสาท อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/4 ม.2 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมือง หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และป่าไม้ตรวจยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีน้ำเงิน ทะเบียน บท 1842 นครศรีธรรมราช ซึ่งติดรั้วเหล็กที่กระบะท้ายขายซากหัวสัตว์ เช่น วัว แพะ ควาย ที่ถูกตกแต่งเป็นเครื่องตกแต่งบ้านเรือน โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวสัตว์สงวน ซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของ นายเมธาสิทธิ์
โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางจับได้ที่ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา และของกลางทั้งหมดถูกนำไปยัง มทบ.41 เพื่อให้ พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผบ.มทบ.41 แถลงข่าว ซึ่งถูกระบุว่า ของกลางเหล่านี้เป็นซากสัตว์สงวน ส่วนผู้ต้องหานั้นได้ทิ้งรถหลบหนี
ขณะที่ นายเมธาสิทธิ์ ระบุว่า เป็นเจ้าของรถยนต์กระบะคันดังกล่าว และเป็นพ่อค้าขายซากหัววัว ซึ่งมีซากกะโหลกวัว กะโหลกควาย กะโหลกแพะ แต่กลายเป็นเจ้าหน้าที่อ้างว่า หลังจับกุมตนเองได้หลบหนี ทั้งๆ ที่ไม่ได้หนีแต่อย่างใด และนั่งอยู่ที่ป้อมตำรวจด้วยซ้ำ แล้วยังอ้างว่า ซากหัวสัตว์ต่างๆ นั้นเป็นสัตว์สงวน ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นหัววัว หัวควาย และหัวแพะ ที่ตนนำมาดัดแปลงตกแต่งแล้วนำมาจำหน่ายกว่า 3 ปี มีใบอนุญาตค้าซากสัตว์จากสำนักงานปศุสัตว์ถูกต้องทุกอย่าง
“ซากหัววัว หัวควายที่ถูกตรวจยึดผมได้มาจากโรงเชือดของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบอนุญาตเรียบร้อย ผมมาทำความสะอาดตกแต่ง และเคลือบเพื่อจำหน่ายสำหรับตกแต่งบ้านเรือน แต่ที่ถูกแจ้งจับเพราะผมเป็นหนี้ของเจ้าหนี้รายหนึ่งเป็นเงิน 60,000 บาท ตามทวงแต่ผมยังไม่มีเงินใช้หนี้ ซึ่งไม่ได้คิดโกงหนี้แต่อย่างใด พยายามทำมาหากินขายของแบบนี้ที่ผมทำขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น ผมจะใช้คืนแน่แต่ต้องขอเวลาสักระยะ แต่ปรากฏว่า เจ้าหนี้ไปแจ้งความเท็จว่าผมค้าซากสัตว์สงวน จึงเอาทหาร ตำรวจ และป่าไม้มาจับ แล้วบอกว่าผมหลบหนี ทั้งที่ผมนั่งอยู่ที่ป้อมตำรวจ จนวันนี้ตำรวจก็ยังไม่แจ้งข้อหา”
สำหรับในเรื่องนี้เมื่อ 2 วันก่อน ที่บริเวณหน้า บก.มทบ.41 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผบ.มทบ.41 พ.ต.ท.พนม บุญช้าง สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นศ. ได้ร่วมกันแถลงระบุว่า ได้ยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิซิตอนครึ่ง สีน้ำเงิน ทะเบียน บท 1842 นศ. ซึ่งมีรั้วด้านท้ายกระบะ และมีซากหัวสัตว์ป่าสงวนจำนวนมาก เช่น หัวซากกระทิงป่า ซากหัววัวแดง ซากหัวควายป่า และควายบ้าน จำนวนกว่า 50 หัว
โดยให้มูลค่าว่าสูงนับล้านบาท คนขับซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะ และเจ้าซากสัตว์ป่าดังกล่าวได้ไหวตัวทันทิ้งรถหลบหนีไปอย่างหวุดหวิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนต่อมาทราบชื่อคือ นายเมธาสิทธิ์ ปรางปราสาท อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/4 หมู่ 6 ต.กมลา อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีภายหลัง
ขณะที่ พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผบ.มทบ.41 ระบุว่า การตรวจยึดจับกุมซากสัตว์ป่าสงวนจำนวนมากครั้งนี้ว่า เนื่องจากได้มีพลเมืองดีแจ้งมาว่า มีรถยนต์กระบะคันดังกล่าวนำซากสัตว์ป่าสงวนจำนวนมากแขวนใส่ท้ายรถกระบะมาเร่ขายให้แก่ชาวบ้านบริเวณถนนสายเบญจมฯ-พรหมคีรี บริเวณทางเข้าวัดยวนแหล ม.6 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงสั่งการให้ พ.อ.ธวัชชัย ทับทิมสงวน นายทหารฝ่ายสืบสวนสอบสวน ทภ.4 นำกำลังทหาร สนธิกำลังกับตำรวจภายใต้การนำของ พ.ต.ท.พนม บุญช้าง สวป. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปทำการตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าว ปรากฏว่า เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง นายเมธาสิทธิ์ คนขับรถเมื่อเห็นกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ รีบกระโดดลงจากรถวิ่งหนีเข้าป่าละเมาะข้างทางหลบหนีรอดไปได้หวุดหวิด
ส่วนซากสัตว์นั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่เกี่ยวข้องต่างอยู่ในภาวะอึดอัด เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า หัวสัตว์ดังกล่าวนั้นล้วนแต่เป็นวัว ควาย และแพะ ซึ่งไม่ได้อยู่ในกลุ่มสัตว์สงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย โดยมีแนวโน้มว่าอาจมีการรายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้เกิดการแถลงข่าวขึ้น
ขณะที่เจ้าของซากสัตว์เหล่านี้ระบุว่า เป็นการกลั่นแกล้ง สืบเนื่องจากการจ่ายหนี้สินจำนวน 60,000 บาทล่าช้า ส่วนราคาหัวสัตว์ที่ขายนั้นอยู่ในราคาหัวละหลักร้อยบาท และหลักพันบาทเท่านั้น ไม่ได้สูงนับล้านอย่างที่ถูกอ้าง