พังงา - คืบหน้าเหตุรถทัวร์โดยสารภูเก็ต-สตูล เกิดไฟไหม้ในจังหวัดพังงา จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 13 ราย ล่าสุด เด็กหญิงวัย 12 ปี เสียชวิตเพิ่มอีกรายในวันนี้ รวมแล้ว 3 ราย จากสำลักควันไฟ
วันนี้ (10 ต.ค.) ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้รถโดยสารประจำทางสาย ภูเก็ต-สตูล เลขข้างรถ 734-3 ม.4 ข สีชมพู บ.ตรังร่วมมิตร ขนส่ง ทะเบียนป้ายเหลือง 10-1558 ตรัง สาเหตุมาจากรถจอดเชื่อมเก้าอี้คนขับรถจนทำให้เกิดประกายไฟ และลุกลามอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 58 ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก
แพทย์หญิงทิพย์รัตน์ ตันสกุลประเสริฐ รองผู้อำนวยกาฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลพังงา กล่าวว่า จากกรณีที่ รพ.พังงา ได้รับตัวคนไข้อุบัติเหตุไฟไหม้รถทัวร์โดยสารสายภูเก็ต-สตูล จำนวน 13 ราย ซึ่งมีอาการหนัก จำนวน 3 ราย ทางแพทย์ และพยาบาลดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด บางรายได้ส่งต่อไปรักษาต่อในโรงพยาบาลใกล้เคียง ตามความประสงค์ของญาติผู้ป่วย และมีผู้ป่วยที่มีอาการหนัก 1 ราย คือ ด.ญ.พนิดา หรือน้องตุ่น เกลี้ยงประสงค์ อายุ 12 ปี เนื่องจากสำลักควันในรถจนหมดสติตั้งแต่วันแรก แพทย์ได้กู้ชีพกลับมาได้ นอนรักษาอยู่ในห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 7 ต ค.นี้ ล่าสุด ตอนเที่ยงวันนี้ น้องตุ่น ได้เสียชีวิตแล้วในโรงพยาบาลพังงา ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติๆ สรุปเหตุการณ์ไฟไหม้รถทัวร์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต รวม 3 คน คือ 1 นางแดง พาหรัตน์ 2.น.ส.สุนิษา ชูแก้ว และ 3.ด.ญ.พนิดา เกลี้ยงประสงค์ อายุ 12 ปี
นางฤทัยทิพย์ เกลี้ยงประสงค์ แม่ของน้องตุ่นผู้เสียชีวิตรายล่าสุด กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุน้องตุ่นได้เดินทางมาจากภูเก็ต จะไปโรงเรียนทับปุดวิทยา โดยน้องนั่งอยู่แถวกลางของรถจากนั้นคนขับรถทัวร์ได้จอดรถเพื่อทำการเชื่อมเหล็กเก้าอี้นั่งคนขับรถที่ชำรุดโดยประตูรถทัวร์ยังปิดอยู่ ปรากฏว่า ได้เกิดประกายไฟพุ่งอย่างรวดเร็วจากนั้นได้ลุกลามอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลุ่มของควันไฟผู้โดยสารที่อยู่บนรถพยายามหาทางออกแต่ออกไม่ได้เนื่องจากประตูรถปิดอยู่นานนับชั่วโมงกว่าที่จะมีคนมาทุบกระจก และนำตัวน้องตุ่นออกมาแต่ก็ช้าไปเนื่องจากน้องเขาสูดเอาควันไฟเข้าไปเกินปริมาณที่ร่างกายจะรับได้
ทางด้าน นายยินดี เรทมิฬ สามีของนางอธิชา เรทมิฬ หนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุ นางอธิชา นั่งอยู่ชั้นบนด้านหลังคนขับ เปลวไฟได้ลุกลามมาโดนที่หน้า ลำคอ ทั้งยังสำลักควันไฟ แต่ว่าอาการยังไม่ดีขึ้นแค่พูดได้บ้างเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนการช่วยเหลือด้านรักษาทางบริษัทได้เข้ามาเยี่ยมดูอาการ และนำกระเช้าเข้าเยี่ยม พร้อมทั้งเผยต่อญาติว่า จะดูแลรักษาค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดซึ่งบริษัทรถทัวร์ได้ทำประกันไว้
วันนี้ (10 ต.ค.) ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้รถโดยสารประจำทางสาย ภูเก็ต-สตูล เลขข้างรถ 734-3 ม.4 ข สีชมพู บ.ตรังร่วมมิตร ขนส่ง ทะเบียนป้ายเหลือง 10-1558 ตรัง สาเหตุมาจากรถจอดเชื่อมเก้าอี้คนขับรถจนทำให้เกิดประกายไฟ และลุกลามอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 58 ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก
แพทย์หญิงทิพย์รัตน์ ตันสกุลประเสริฐ รองผู้อำนวยกาฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลพังงา กล่าวว่า จากกรณีที่ รพ.พังงา ได้รับตัวคนไข้อุบัติเหตุไฟไหม้รถทัวร์โดยสารสายภูเก็ต-สตูล จำนวน 13 ราย ซึ่งมีอาการหนัก จำนวน 3 ราย ทางแพทย์ และพยาบาลดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด บางรายได้ส่งต่อไปรักษาต่อในโรงพยาบาลใกล้เคียง ตามความประสงค์ของญาติผู้ป่วย และมีผู้ป่วยที่มีอาการหนัก 1 ราย คือ ด.ญ.พนิดา หรือน้องตุ่น เกลี้ยงประสงค์ อายุ 12 ปี เนื่องจากสำลักควันในรถจนหมดสติตั้งแต่วันแรก แพทย์ได้กู้ชีพกลับมาได้ นอนรักษาอยู่ในห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 7 ต ค.นี้ ล่าสุด ตอนเที่ยงวันนี้ น้องตุ่น ได้เสียชีวิตแล้วในโรงพยาบาลพังงา ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติๆ สรุปเหตุการณ์ไฟไหม้รถทัวร์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต รวม 3 คน คือ 1 นางแดง พาหรัตน์ 2.น.ส.สุนิษา ชูแก้ว และ 3.ด.ญ.พนิดา เกลี้ยงประสงค์ อายุ 12 ปี
นางฤทัยทิพย์ เกลี้ยงประสงค์ แม่ของน้องตุ่นผู้เสียชีวิตรายล่าสุด กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุน้องตุ่นได้เดินทางมาจากภูเก็ต จะไปโรงเรียนทับปุดวิทยา โดยน้องนั่งอยู่แถวกลางของรถจากนั้นคนขับรถทัวร์ได้จอดรถเพื่อทำการเชื่อมเหล็กเก้าอี้นั่งคนขับรถที่ชำรุดโดยประตูรถทัวร์ยังปิดอยู่ ปรากฏว่า ได้เกิดประกายไฟพุ่งอย่างรวดเร็วจากนั้นได้ลุกลามอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลุ่มของควันไฟผู้โดยสารที่อยู่บนรถพยายามหาทางออกแต่ออกไม่ได้เนื่องจากประตูรถปิดอยู่นานนับชั่วโมงกว่าที่จะมีคนมาทุบกระจก และนำตัวน้องตุ่นออกมาแต่ก็ช้าไปเนื่องจากน้องเขาสูดเอาควันไฟเข้าไปเกินปริมาณที่ร่างกายจะรับได้
ทางด้าน นายยินดี เรทมิฬ สามีของนางอธิชา เรทมิฬ หนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุ นางอธิชา นั่งอยู่ชั้นบนด้านหลังคนขับ เปลวไฟได้ลุกลามมาโดนที่หน้า ลำคอ ทั้งยังสำลักควันไฟ แต่ว่าอาการยังไม่ดีขึ้นแค่พูดได้บ้างเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนการช่วยเหลือด้านรักษาทางบริษัทได้เข้ามาเยี่ยมดูอาการ และนำกระเช้าเข้าเยี่ยม พร้อมทั้งเผยต่อญาติว่า จะดูแลรักษาค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดซึ่งบริษัทรถทัวร์ได้ทำประกันไว้
