ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ปศุสัตว์เขต 9 และด่านกักกันสัตว์สงขลา ฝังกลบทำลายเนื้อโคเถื่อนจากประเทศอินเดียที่ลักลอบนำเข้ามาตามชายแดนไทย-มาเลเซีย จำนวน 4,000 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 5 แสนบาท หลังจากที่ลักลอบนำเข้ามาตีตลาดเนื้อไทยในราคาที่ต่ำกว่า แต่ขายในราคาเนื้อไทย กระทบต่อตลาดเนื้อของไทยทั้งระบบและผู้บริโภค เนื่องจากไม่สามารถรับประกันได้ว่ามีเชื้อโรคปนเปื้อนหรือไม่
วันนี้ (7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา นายสัตวแพทย์วิริยะ แก้วทอง ปศุสัตว์เขต 9 และนายชัยวัฒณ์ โยธคล หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา นำเนื้อโคเถื่อน หรือเนื้อผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 200 แพก น้ำหนัก 4,000 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ทำการฝังกลบทำลาย หลังจากที่เจ้าหน้าจับกุมได้ขณะขนมากับรถยนต์กระบะ บนถนนสายเอเชียพื้นที่หมู่ 9 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ในวันเดียวกันเพื่อส่งเข้ากรุงเทพฯ โดยการฝังเนื้อทั้งหมดได้ทำตามหลักควบคุมโรคทุกขั้นตอน
นายสัตวแพทย์วิริยะ แก้วทอง ปศุสัตว์เขต 9 เปิดเผยว่า เนื้อโคเถื่อนทั้งหมดเป็นเนื้อจากประเทศอินเดีย และลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางชายแดนไทย-มาเลเซีย ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท และนำมาสวมเป็นเนื้อไทยส่งขายทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ กรุงเทพฯในภาคกลาง โดยจำหน่ายในราคาเนื้อไทยกิโลกรัมละ 240 บาท หรืออาจสูงกว่านั้น เนื่องจากมีหลายเกรด ทั้งสัน เนื้อสะโพก เนื้อต้นขา
นายสัตวแพทย์วิริยะ กล่าวว่า เนื้อเถื่อนเหล่านี้จะกระจายส่งขายตามตลาดทั่วไป ร้านค้าร้านอาหาร หรือแม้แต่นำไปทำลูกชิ้นเนื้อ และกระทบต่อตลาดเนื้อของไทย เนื่องจากนำเข้ามาในราคาที่ถูกกว่า แต่มาจำหน่ายในราคาเนื้อของไทย ซึ่งเมื่อกระจายไปตามท้องตลาดก็ไม่สามารถที่จะแยกแยะออกได้ว่าเป็นเนื้อเถื่อน หรือเนื้อไทย ที่สำคัญไม่สามารถรับประกันได้ว่ามีเชื้อโรคปนเปื้อนด้วยหรือไม่ เพราะลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งกรมปศุสัตว์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ และจับกุมรวมทั้งมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำเนื้อผิดกฎหมายเหล่านี้เข้ามาจำหน่าย และตีตลาดเนื้อในประเทศ ซึ่งจะสร้างปัญหาในระยะยาว เพราะจะกระทบทั้งตลาดเนื้อไทย รวมทั้งผู้บริโภค