ระนอง - ประชาชนชาวจังหวัดระนอง ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์สวดโพชฌงคปริตร และเจริญภาวนาจิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ณ วัดสุวรรณคีรีวิหาร (พระอารามหลวง) ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จังหวัดระนอง พระเทพสิทธิมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดระนอง เจ้าอาวาสวัดตโปทาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดระนอง และนายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ร่วมสวดมนต์ และร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์สวดโพชฌงคปริตร และเจริญภาวนาจิต
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร ตามพระดำรัสสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า “ขอให้ชาว พอ.สว. และคนไทยทุกคนสวดมนต์บทโพชฌงคปริตร ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการที่ทรงพระประชวรอยู่ในขณะนี้”
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่าโพชฌงค์นั้นสวดแล้วช่วยให้หายโรค ซึ่งในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นธรรมเกี่ยวกับปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องต่อร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน หลักของโพชฌงค์เป็นหลักปฏิบัติทั่วไป ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น เพราะโพชฌงค์แปลว่าองค์แห่งโพธิ หรือองค์แห่งโพธิญาณเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญา
นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า วันนี้ประชาชนชาวจังหวัดระนองได้ร่วมใจกันจัดพิธีสวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง โดยบทสวดมนโพชฌงคปริตร ตามความเชื่อถือเป็นพุทธมนต์ที่ช่วยให้คนป่วยที่ได้สดับตรับฟังธรรมบทนี้แล้วสามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ฉะนั้นการสวดมนต์ครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างบุญกุศลเสริมบารมีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นการฝึกจิต ฝึกสมาธิ ให้แก่นักเรียนนักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดระนองให้มีสติในการดำเนินชีวิตประจำวัน ประพฤติแต่สิ่งดีงาม ซึ่งการประพฤติตั้งมั่นในความดีก็เปรียบเหมือนเป็นการถวายราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ณ วัดสุวรรณคีรีวิหาร (พระอารามหลวง) ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จังหวัดระนอง พระเทพสิทธิมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดระนอง เจ้าอาวาสวัดตโปทาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดระนอง และนายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ร่วมสวดมนต์ และร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์สวดโพชฌงคปริตร และเจริญภาวนาจิต
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร ตามพระดำรัสสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า “ขอให้ชาว พอ.สว. และคนไทยทุกคนสวดมนต์บทโพชฌงคปริตร ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการที่ทรงพระประชวรอยู่ในขณะนี้”
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่าโพชฌงค์นั้นสวดแล้วช่วยให้หายโรค ซึ่งในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นธรรมเกี่ยวกับปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องต่อร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน หลักของโพชฌงค์เป็นหลักปฏิบัติทั่วไป ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น เพราะโพชฌงค์แปลว่าองค์แห่งโพธิ หรือองค์แห่งโพธิญาณเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญา
นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า วันนี้ประชาชนชาวจังหวัดระนองได้ร่วมใจกันจัดพิธีสวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง โดยบทสวดมนโพชฌงคปริตร ตามความเชื่อถือเป็นพุทธมนต์ที่ช่วยให้คนป่วยที่ได้สดับตรับฟังธรรมบทนี้แล้วสามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ฉะนั้นการสวดมนต์ครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างบุญกุศลเสริมบารมีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นการฝึกจิต ฝึกสมาธิ ให้แก่นักเรียนนักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดระนองให้มีสติในการดำเนินชีวิตประจำวัน ประพฤติแต่สิ่งดีงาม ซึ่งการประพฤติตั้งมั่นในความดีก็เปรียบเหมือนเป็นการถวายราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย
