ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ชาวพม่า หลบหนีจาก สภ.ทุ่งตำเสา หลังถูกจับกุมตัวเตรียมลงบันทึกการจับกุม อาศัยช่วงเจ้าหน้าที่เผลอวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างโรงพักทั้งที่ใส่กุญแจมือ ตำรวจระดมกำลังค้นหายังไม่พบตัว
วันนี้ (19 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุ นายเน หรือเนลิน อายุ 32 ปี ชาวพม่า ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้ามนุษย์คนสำคัญ หลบหนีออกจากสถานีตำรวจภูธรทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากที่ถูกตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. จับกุมได้เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ที่บริเวณหน้าโลตัสเอ็กซ์เพรส สาขาสามแยกหูแร่ เขตเทศบาลเมืองทุ่งตำเสา และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาทำบันทึกการจับกุมที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งตำเสา
แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้นำมานั่งอยู่ที่บริเวณม้าหินอ่อนหน้าโรงพัก และถอดกุญแจมือจากที่ใส่ไว้ด้านหลังมาไว้ด้านหน้า โดยมีเจ้าหน้าที่นั่งคุมอยู่ข้างๆ 3 คน เพื่อรอเขียนบันทึกการจับกุม นายเน ได้อาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอลุกขึ้นวิ่งหลบหนีอย่างรวดเร็ว ผ่านไปทางสนามฟุตบอลข้างโรงพัก และวิ่งพุ่งชนรั้วลวดหนามแต่ก็ตะเกียกตะกายหลบหนีเข้าไปในป่าข้างโรงพัก ขณะเดียวกัน ตำรวจทั้ง 3 นาย ได้วิ่งตามมาติดๆ แต่ก็มาติดอยู่กับรั้วลวดหนาม จึงตามไม่ทัน นายเน จึงได้วิ่งหนีหายเข้าไปในป่าท่ามกลางความมืด และพบรองเท้าแตะถูกถอดทิ้งไว้ชายป่า
เจ้าหน้าที่จึงประสานขอกำลังตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา และจากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีหาดใหญ่ หน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองทุ่งตำเสา และผู้นำท้องถิ่นใน ต.ทุ่งตำเสา นำโดย นายจิระภัณฑ์ ปานแก้ว กำนัน ต.ทุ่งตำเสา และอีกเกือบ 20 นาย มาปิดล้อมรอบป่าทั้ง 4 มุม พร้อมกับจัดชุดเดินเข้าไปหาตัวในป่า แต่หลังจากค้นหากว่า 3 ชั่วโมง พบเพียงคราบเลือดที่ไหลเป็นทางซึ่งน่าจะมาจากบาดแผลที่ถูกลวดหนามบาด แต่ไม่พบตัว นายเน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า น่าจะยังซ่อนตัวอยู่ในป่าจึงกระจายกำลังโอบล้อมเอาไว้ตลอดทั้งคืน และเดินลาดตระเวนค้นหาเป็นระยะ
สำหรับ นายเน เป็นผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์คนสำคัญที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 18 ก.ย. และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ภายในวันเดียวกันหลังจากที่ตามประกบตัวเอาไว้แล้ว เนื่องจากทราบว่ามาเช่าบ้านอยู่กับภรรยาในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองทุ่งตำเสา และจากประวัติพบว่า เป็นผู้ที่ลักลอบนำแรงงานเถื่อนชาวพม่าเข้ามาทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นลูกเรือประมง บางส่วนส่งเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตามหาตัวมานานนับเดือน กระทั่งพบว่ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองทุ่งตำเสา จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และจับกุมตัวได้ในที่สุด แต่ก็มาพลาดท่าวิ่งหลบหนีไปได้