ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจสอบเรือประมงอวนลาก และอวนล้อมจับที่นำเรือเข้าจอดเรือตามจุดที่กำหนดเป็นวันแรก ตามมาตรการควบคุมของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขณะที่ผู้ประกอบการประมงใน จ.สงขลา รวมตัวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนมาตรการดังกล่าว
วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าแจ้งออกเรือประมง จ.สงขลา ได้นำเรือเร็วตรวจการณ์ของกรมประมงออกลาดตระเวนตรวจสอบจุดจอดเรือบริเวณเกาะหนู จ.สงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่จุดที่กรมเจ้าหน้าท่ากำหนดให้เรืออวนลาก และเรืออวนล้อมจับนำเรือมาจอดระหว่างที่หยุดทำการประมงเป็นวันแรก ตามประกาศศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ฉบับที่ 14 /2558 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ที่ให้หยุดทำการประมง ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 3 วันที่ 11 ถึงวันที่ 13 และ วันที่ 21 ถึงวันที่ 23 ของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน
โดยพบว่า มีเรืออวนลาก และเรืออวนล้อมจับนำเรือเข้ามาจอดราว 60 ลำ จอดกระจายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ทำการประมงในทะเลลึกเขตรอยต่อน่านน้ำอ่าวไทย กับน่านน้ำมาเลเซีย ขณะเดียวกัน ทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้ส่งเรือตรวจการออกตรวจสอบความเรียบร้อยบริเวณจุดจอดเรือเพื่อให้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มง่ายต่อการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการดังกล่าวแม้ว่าเรือประมงจะยอมปฏิบัติตาม แต่ก็มีผู้ประกอบการเรือประมงในหลายจังหวัดออกมาเคลื่อนไหว โดยในส่วนของ จ.สงขลา นายประพร เอกอุรุ นายกสมาคมประมง จ.สงขลา ได้เข้ายื่นหนังสือผ่านทางผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อขอความเป็นธรรม และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนคำสั่งดังกล่าว
เนื่องจากชาวประมงเดือดร้อน เนื่องจากเรือประมงใน จ.สงขลา ไม่สามารถเข้ามาจอดเทียบท่าได้เพราะมีพื้นที่จอดเรือไม่เพียงพอที่จะรองรับเรือประมงทั้งหมด ทำให้สัตว์น้ำที่จับมาได้ระบายออกสู่ท้องตลาดไม่ทันเวลา เนื่องจากระยะเวลา 2 วันที่กำหนดไว้ทำไม่ทัน ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่มีสินค้าสัตว์น้ำขาย และปัญหาโรงน้ำแข็งต้องหยุดกิจการไปกว่า 10 โรง จากทั้งหมด 13 โรง เพราะเรือทัวร์ขนสัตว์น้ำไม่เข้ามาสั่งลงน้ำแข็งจึงต้องหยุดกิจการ ส่งผลทำให้ไม่มีน้ำแข็งแช่ปลาบนเรือสัตว์น้ำเริ่มเกิดปัญหาเน่าเสียตามมา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งแรงงาน และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
