ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เทศบาลนครภูเก็ต จัดขบวนแห่องค์พ้อต่อก้ง-ขนมเต่าสีแดง สัญลักษณ์เทศกาลพ้อต่อ หรือสารทจีนยิ่งใหญ่ ประชาชนแห่ร่วมงานเนืองแน่น
บ่ายวันนี้ (30 ส.ค.) น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต พร้อมตัวแทนจากหลายภาคส่วนร่วมเปิดงานโครงการร่วมอนุรักษ์ประเพณีพ้อต่อ หรือสารทจีน ประจำปี 2558 พร้อมขบวนอัญเชิญองค์พ้อต่อก้ง และขบวนแห่ขนมเต่าสีแดง (ตั๋วกู้) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลพ้อต่อ ได้เคลื่อนออกจากสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงาน ณ ตลาดสดสาธารณะ 1 ถนนระนอง ระหว่างวันที่ 30-31 ส.ค.2558 เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันนมัสการองค์พ้อต่อก้ง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชน และนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก
สำหรับงานดังกล่าวเทศบาลฯ ร่วมมือกับเครือข่ายวัฒนธรรมในพื้นที่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความกตัญญูต่อวิญญาณบรรพบุรุษ รวมถึงเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่วิญาณไร้ญาติ ซึ่งในทุกปีตรงกับเดือน 7 ตามปฏิทินจีน หรือตรงกับเดือน 9 ของไทย และเพื่อสืบสาน และอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่ได้ปฏิบัติสืบทอดมาช้านาน เป็นประเพณีแห่งความกตัญญูที่ชาวไทยเชื้อสายจีนได้อุทิศส่วนกุศลให้แหก่บรรพบุรุษ
โดยแต่ละบ้านจะจัดแท่นบูชาพร้อมเครื่องไหว้อาหารคาวหวาน ได้แก่ น้ำชา ขนมรวม (เต่เหลี่ยว) มิดเจี่ยน (คล้ายเครื่องบายสีของไทย) ขนมเต่า (อังกู้) ขนมฟู (ฮวดโก้ย) ขนมจ่าง (กี้จ่าง) ผลไม้ (สับปะรด กล้วย ข้าว ส้ม) ของหวานคาวเหล้าจีน และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ขนมเต่าสีแดง เรียกว่า ตั่วกู้
น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดงานประเพณีพ้อต่อจังหวัดภูเก็ต โดยการฟื้นฟูกิจกรรมขบวนแห่ขนมเต่าสีแดง หรือเรียกว่า “ตั่วกู้” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเพณีที่เคยปฏิบัติมาในอดีตให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่ และการจัดขบวนแห่ในครั้งนี้นับเป็นปีที่ 4 การเห็นถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ การร่วมสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ และการรักษาประเพณีที่ดีงามยังนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหากเรานำมาผนวกกับการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
รวมถึงการบริหารจัดการที่ดีของทุกภาคส่วน สิ่งเหล่านี้จะเป็นต้นทุนนำพาเมืองภูเก็ตไปสู่ความเป็นเลิศของการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืนส่งผลให้เกิดความมั่นคงในการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองในระดับท้องถิ่น และระดับชาติต่อไป
