ชุมพร - ตำรวจน้ำชุมพร ร่วมกับทหารเรือ สกัดจับลูกเรือประมงชาวเขมรโหดใช้ไม้ตีหัวนายท้ายเรือก่อนโยนทิ้งทะเล ไม่รู้ชะตากรรม ก่อนขับเรือหลบหนีเข้ามาในน่านน้ำจังหวัดชุมพร
เมื่อเวลา 21.30 น.วานนี้ (12 ส.ค.) พ.ต.ท.จเร รุ่งสาย สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 1 (ชุมพร) กก.6 บก.รน. เรือเอกวัตรรัตน์ เชื่อมสามัคคี ผบ.เรือ ต.992 ทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมกำลังเข้าควบคุมตัว นายยาว อายุ 50 ปี ลูกเรือประมงสัญชาติกัมพูชา พร้อมของกลางท่อนไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร เข้าฝั่งมาสอบสวนที่สถานีตำรวจน้ำชุมพร หลังนายยาว ก่อเหตุใช้ท่อนไม้ดังกล่าวตีนายท้ายเรือจนตกทะเลในท้องที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี แล้วขับเรือหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ในเขตทะเลพื้นที่ จ.ชุมพร
สำหรับเหตุการณ์การดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องจากช่วงเวลา 14.00 น.วันที่ 12 ส.ค.58 ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เขต 1 ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก นายคดี ผุดผ่อน ไต๋เรืออวนล้อมปลากะตักชื่อ “เรือทรัพย์สมบูรณ์” ว่า ได้พบเห็นลูกเรือชาวกัมพูชาใช้ไม้กระหน่ำตีนายท้ายเรือประมงชื่อ “แสงประทีป 7” ซึ่งเป็นเรือปั่นไฟให้แก่เรือประมงอวนซั้งกลางทะเลลึกจนตกเรือหาไม่พบ เหตุเกิดบริเวณเส้นละติจูด 10 องศา 20 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 99 องศา 40 ลิปดาตะวันออก บริเวณหลังเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และคนร้ายได้ขับเรือลำดังกล่าวหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ จ.ชุมพร
จากการตรวจสอบทราบว่า เรือแสงประทีป 7 เจ้าของเรืออยู่ในพื้นที่ปากน้ำชุมพร นายท้ายเรือที่ถูกลูกเรือชาวกัมพูชาใช้ท่อนไม้ตีจนตกเรือชื่อ นายเสกสรรณ์ รัตนเลิศ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 2 ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ได้นำเรือตรวจการณ์ออกค้นหาจนมืดแต่ไม่พบร่างจึงยุติการค้นหา คาดว่าน่าจะจมน้ำทะเลเสียชีวิตแล้ว ส่วนคนร้ายคือ นายยาว อายุ 50 ปี สัญชาติกัมพูชา ขออนุญาตทำงานถูกต้องเป็นลูกเรือประมงลำดังกล่าวได้ประมาณ 3 เดือน
ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน เรือตรวจการณ์ของกองเรือภาคที่ 1 และเรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำชุมพร ซึ่งได้ออกติดตามหาเรือประมงแสงประทีป 7 ที่ลูกเรือประมงชาวกัมพูชาขับหลบหนีหลังก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามสกัดจับกุมเรือลำดังกล่าวได้ขณะขับหลบหนีมาถึงระหว่างเกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ เขตพื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือด้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 100 กิโลเมตร พร้อมกับควบคุมตัวนายยาว ชาวกัมพูชาไว้ได้ ตรวจต้นภายในเรือพบท่อนไม้ของกลาง 1 อัน เจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นหลักฐานและนำตัวกลับเข้าฝั่งไปสอบสวนที่สถานีตำรวจน้ำชุมพร ขณะที่มีญาติๆ ของนายเสกสรรณ์ จำนวนมากเมื่อทราบข่าวได้พากันมารอขอดูหน้าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเพราะกลัวว่าผู้ต้องหาจะได้รับอันตราย
จากการสอบสวนทราบว่า เรือประมง “แสงประทีป 7” เป็นเรือปั่นไฟล่อปลาให้แก่เรือประมงอวนซั้งกลางทะเลลึก ขณะทำการประมงอยู่หลังเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ภายในเรือลำดังกล่าวมีกันเพียง 2 คน คือ นายเสกสรรณ์ ทำหน้าที่เป็นนายท้ายเรือ และช่างเครื่องยนต์ประจำเรือ ส่วนนายยาว ชาวกัมพูชาเป็นลูกเรือ ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้ทะเลาะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นชกต่อยกันขึ้น นายยาว สู้ไม่ได้จึงวิ่งไปคว้าท่อนไม้ยาวประมาณ 1 เมตรที่วางอยู่ในเรือออกมาฟาดไปที่ศีรษะของนายเสกสรรณ์ จนตกจากเรือลงไปในทะเล จากนั้นนายยาว ได้ขับเรือหลบหนี แต่มีเรือประมงแล่นผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงโทรศัพท์แจ้งศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เขต 1 จนสามารถสกัดจับกุมได้ในเวลาต่อมา ซึ่งหลักจากการสอบสวนเสร็จ และเป็นเวลาดึกมากแล้วเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายยาว ไปขอฝากขังที่ สภ.ปากน้ำชุมพร เพื่อรอส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป