กระบี่ - อบต.อ่าวนาง จ.กระบี่ ทำป้ายเตือนนักท่องเที่ยวระวังเดินผ่านบริเวณทางเท้าถนนสายอ่าวนาง-หาดนพรัตน์ธารา อำเภอเมือง จ.กระบี่ หลังมีดินสไลด์ทำให้ก้อนหินขนาดใหญ่พลัดตกลงมาจากภูเขาคลองยิงเสือจำนวนมาก หวั่นเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทาง ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าห่วง ทหารเข้าช่วยเหลือแล้ว 10 ครัวเรือน
วันนี้ (8 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้นำป้ายเตือนประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านสายอ่าวนาง-หาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ บริเวณคลองยิงเสือ มาติดตั้งเพื่อเตือนให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวระวัดระวังในการสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว หลังจากเกิดดินสไลด์ทำให้ก้อนหินขนาดใหญ่บนภูเขาหล่นลงมาทับทางเท้า
คาดว่าเกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันเมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา แต่โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีคนเดินผ่าน ส่วนบรรยากาศการท่องเที่ยวหลังสภาพอากาศช่วงเช้าเริ่มดีขึ้น มีฝนตกลงมาเล็กน้อย นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางลงเรือโดยสารไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ได้
ขณะที่ตามแนวชายหาดหลายพื้นที่ท่องเที่ยวในบ้านคลองม่วง ม.3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร คลื่นได้ซัดเอาขยะจากทะเลเข้าหาฝั่งจำนวนมาก ภายหลังจากคลื่นลมสงบในช่วงน้ำลดจะพบกองเกลื่อนตามแนวชายหาด ซึ่งอยู่บริเวณหน้าเกาะห้อง เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ซึ่งมีทั้งเศษไม้ ถุงพลาสติก ขวดน้ำดื่ม ชิ้นส่วนต่างๆ จากเรือประมง อีกทั้งคลื่นยังซัดเอาซากแมงกะพรุนขนาดความกว้าง 7-10 นิ้วตายเกลื่อนบริเวณหาดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม ดินถล่มต่อเนื่องในช่วง 1-2 วันนี้ โดยสั่งการให้อาสาสมัครแจ้งเตือนภัย ประจำหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยตามพื้นที่ราบสูง เนินเขา และพื้นที่คูคลอง ให้ตรวจสอบปริมาณน้ำฝน หากเกิน 80 มม.ต่อ 24 ชั่วโมง และระดับน้ำในลำคลองสายต่างๆ เพิ่มปริมาณสูงขึ้นต่อเนื่อง น้ำมีสีขุ่นดินโคลน มีกิ่งไม้พัดมากับน้ำ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อแจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมอพยพออกจากพื้นที่
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.กระบี่ ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (8 ส.ค.) ร้อยเอกคำเด็จ หมวดทองอ่อน นายทหารฝายกิจการพลเรือน ร.15 พัน 1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 17 นาย เข้าให้การช่วยเหลือขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ม.6 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ หลังจากถูกน้ำภายในคลองใหญ่เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านของชาวบ้านกว่า 10 หลังคาเรือน โดยพบว่า บ้านบางหลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และระดับกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าให้การช่วยเหลือบ้านของ นางขนิษฐา สาระภี อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นบ้านไม่มีเลขที่ อยู่ภายในสวนปาล์ม ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร เกือบมิดหลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่ม พบลูกหมาพันธุ์พื้นบ้านสีขาวลายจุด น้ำตาล เพศผู้ จำนวน 1 ตัว กำลังจะจมน้ำ จึงได้ช่วยอุ้มออกมาจากบ้านรอดพ้นจากการถูกกระแสน้ำพัดตกคลองอย่างปลอดภัย
นางขนิษฐา เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว กล่าวว่า หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา และสังเกตเห็นในตอนเช้าเริ่มมีน้ำเอ่อล้นจากคลองใหญ่ เข้าท่วมบริเวณสวนปาล์ม ก็ได้บอกสามี และลูกช่วยกันขนย้ายข้าวของออกจากบ้าน แต่ขณะที่กำลังขนย้ายน้ำก็ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้ทิ้งข้าวของไว้ในบ้าน และหนีออกไปอยู่ที่ปลอดภัย โชคดีที่เพื่อนบ้านไปพบเจ้าหน้าที่ทหาร และขอกำลังมาช่วยขนข้าวของ รวมถึงน้องหมาจนปลอดภัยจากถูกน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ทับปริก คาดว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำป่าจากเทือกเขาพนมเบญจา ไหลลงมาสมทบ และมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (8 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้นำป้ายเตือนประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านสายอ่าวนาง-หาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ บริเวณคลองยิงเสือ มาติดตั้งเพื่อเตือนให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวระวัดระวังในการสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว หลังจากเกิดดินสไลด์ทำให้ก้อนหินขนาดใหญ่บนภูเขาหล่นลงมาทับทางเท้า
คาดว่าเกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันเมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา แต่โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีคนเดินผ่าน ส่วนบรรยากาศการท่องเที่ยวหลังสภาพอากาศช่วงเช้าเริ่มดีขึ้น มีฝนตกลงมาเล็กน้อย นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางลงเรือโดยสารไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ได้
ขณะที่ตามแนวชายหาดหลายพื้นที่ท่องเที่ยวในบ้านคลองม่วง ม.3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร คลื่นได้ซัดเอาขยะจากทะเลเข้าหาฝั่งจำนวนมาก ภายหลังจากคลื่นลมสงบในช่วงน้ำลดจะพบกองเกลื่อนตามแนวชายหาด ซึ่งอยู่บริเวณหน้าเกาะห้อง เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ซึ่งมีทั้งเศษไม้ ถุงพลาสติก ขวดน้ำดื่ม ชิ้นส่วนต่างๆ จากเรือประมง อีกทั้งคลื่นยังซัดเอาซากแมงกะพรุนขนาดความกว้าง 7-10 นิ้วตายเกลื่อนบริเวณหาดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม ดินถล่มต่อเนื่องในช่วง 1-2 วันนี้ โดยสั่งการให้อาสาสมัครแจ้งเตือนภัย ประจำหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยตามพื้นที่ราบสูง เนินเขา และพื้นที่คูคลอง ให้ตรวจสอบปริมาณน้ำฝน หากเกิน 80 มม.ต่อ 24 ชั่วโมง และระดับน้ำในลำคลองสายต่างๆ เพิ่มปริมาณสูงขึ้นต่อเนื่อง น้ำมีสีขุ่นดินโคลน มีกิ่งไม้พัดมากับน้ำ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อแจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมอพยพออกจากพื้นที่
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.กระบี่ ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (8 ส.ค.) ร้อยเอกคำเด็จ หมวดทองอ่อน นายทหารฝายกิจการพลเรือน ร.15 พัน 1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 17 นาย เข้าให้การช่วยเหลือขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ม.6 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ หลังจากถูกน้ำภายในคลองใหญ่เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านของชาวบ้านกว่า 10 หลังคาเรือน โดยพบว่า บ้านบางหลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และระดับกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าให้การช่วยเหลือบ้านของ นางขนิษฐา สาระภี อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นบ้านไม่มีเลขที่ อยู่ภายในสวนปาล์ม ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร เกือบมิดหลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่ม พบลูกหมาพันธุ์พื้นบ้านสีขาวลายจุด น้ำตาล เพศผู้ จำนวน 1 ตัว กำลังจะจมน้ำ จึงได้ช่วยอุ้มออกมาจากบ้านรอดพ้นจากการถูกกระแสน้ำพัดตกคลองอย่างปลอดภัย
นางขนิษฐา เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว กล่าวว่า หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา และสังเกตเห็นในตอนเช้าเริ่มมีน้ำเอ่อล้นจากคลองใหญ่ เข้าท่วมบริเวณสวนปาล์ม ก็ได้บอกสามี และลูกช่วยกันขนย้ายข้าวของออกจากบ้าน แต่ขณะที่กำลังขนย้ายน้ำก็ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้ทิ้งข้าวของไว้ในบ้าน และหนีออกไปอยู่ที่ปลอดภัย โชคดีที่เพื่อนบ้านไปพบเจ้าหน้าที่ทหาร และขอกำลังมาช่วยขนข้าวของ รวมถึงน้องหมาจนปลอดภัยจากถูกน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ทับปริก คาดว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำป่าจากเทือกเขาพนมเบญจา ไหลลงมาสมทบ และมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง